เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-08
แนวโน้มในตลาดการเทรดเป็นหนึ่งในแนวคิดที่สำคัญที่สุดในการเข้าใจทิศทางของตลาดและสร้างพื้นฐานการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง
โดยช่วยให้นักเทรดสามารถระบุได้ว่า ราคากำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางขึ้น ลง หรือข้างเคียง ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้ชัดเจนขึ้นแทนที่จะตอบสนองตามอารมณ์ต่อการเคลื่อนไหวระยะสั้น
สำหรับมือใหม่ การระบุแนวโน้มจะช่วยให้มีโครงสร้างที่ชัดเจน ปรับปรุงการจับจังหวะ และเสริมความมั่นใจในการวางแผนการเทรด
แนวโน้ม (Trend) คือทิศทางโดยรวมที่ราคาของสินทรัพย์เคลื่อนไหวไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เมื่อราคาสร้างจุดสูงสุดที่สูงขึ้นและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นอย่างสม่ำเสมอ จะถือว่าอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) เมื่อราคาสร้างจุดสูงสุดที่ต่ำลงและจุดต่ำสุดที่ต่ำลง จะถือว่าอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) หากราคาขยับในช่วงแคบโดยไม่มีทิศทางที่ชัดเจน จะถือว่าเป็นแนวโน้มข้างเคียง (Sideways Trend) หรือ ตลาดที่มีช่วงการเคลื่อนไหวแคบ
นักเทรดใช้แนวโน้มเพื่อเข้าใจทิศทางของตลาดและปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับทิศทางหลักแทนที่จะเทรดตรงข้ามกับมัน
ลองจินตนาการถึงหุ้นตัวหนึ่งที่ขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ เมื่อมันถอยกลับเล็กน้อย มันก็กลับขึ้นไปทำจุดสูงใหม่ นี่คือรูปแบบที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ซึ่งบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) แสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อมีอำนาจ
หากหุ้นตัวเดียวกันเริ่มสร้างจุดต่ำใหม่หลังจากการกระดอนตัวในแต่ละครั้ง นั่นบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลง (Downtrend) หมายความว่าผู้ขายมีอำนาจ
นักเทรดจะมองหารูปแบบเหล่านี้เพื่อเทรดในทิศทางเดียวกับแนวโน้มที่กำลังเป็นอยู่ แทนที่จะคาดเดาว่าตลาดจะย้อนกลับเมื่อไหร่
มองหารูปแบบการสร้างจุดสูงและจุดต่ำที่ซ้ำกัน
ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) เพื่อเน้นทิศทาง
สังเกตเส้นแนวโน้ม (Trendlines) ที่เชื่อมจุดเปลี่ยนสำคัญ
วิเคราะห์โมเมนตัมของราคาเพื่อยืนยันความแข็งแกร่ง
เฝ้าระวังการทะลุแนวต้านหรือแนวรับ เพื่อสังเกตการเกิดแนวโน้มใหม่
การติดตามแนวโน้มจะช่วยให้นักเทรดมีแผนที่ชัดเจนในการเข้าและออกจากตลาด รวมถึงการจัดการความเสี่ยงโดยเน้นวินัยมากกว่าการตอบสนองตามอารมณ์

ราคาสร้างจุดสูงสุดที่สูงขึ้นและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น ผู้ซื้อมักจะมีอำนาจ
ราคาสร้างจุดสูงสุดที่ต่ำลงและจุดต่ำสุดที่ต่ำลง ผู้ขายมักจะมีอำนาจ
ราคาขยับในช่วงแนวนอนโดยไม่มีการควบคุมจากผู้ซื้อหรือผู้ขายที่ชัดเจน
กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มมุ่งเน้นการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาช่องทางในการทำกำไรในตลาดที่มีแนวโน้มทั้งขาขึ้นและขาลง กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้นักเทรดเข้าใจว่าโมเมนตัมของตลาดกำลังเพิ่มขึ้นหรือลดลง เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล
ก่อนที่จะใช้วิธีการใด ๆ ที่อิงกับแนวโน้ม นักเทรดจำเป็นต้องเข้าใจวิธีการทำงานของแต่ละตัวชี้วัดเพื่อหลีกเลี่ยงการตีความสัญญาณผิด
วิธีนี้ใช้ตัวชี้วัดที่ทำให้ข้อมูลราคาสมูธขึ้นในช่วงเวลาที่เลือก โดยสร้างเส้นที่ไหลลื่นบนกราฟ เส้นนี้ช่วยให้นักเทรดเห็นว่า ตลาดกำลังเคลื่อนไหวในทิศทางขึ้นหรือลง

RSI เป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้นักเทรดระบุว่า สินทรัพย์อาจถูกซื้อเกินไปหรือขายเกินไป การอ่านค่าซื้อเกินบ่งชี้ว่าสินทรัพย์อาจมีราคาเกินมูลค่าที่แท้จริง ขณะที่การอ่านค่าสินทรัพย์ขายเกินบ่งชี้ว่าเป็นสิ่งตรงกันข้ามม
ADX ช่วยให้นักเทรดวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม แทนที่จะวัดทิศทางของมัน มันใช้มาตรวัดจาก 0 ถึง 100 โดยค่าที่สูงขึ้นสะท้อนถึงโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง
การถอยกลับเกิดขึ้นเมื่อราคาขยับกลับไปในทิศทางตรงข้ามกับแนวโน้มหลักชั่วคราว ก่อนที่จะกลับไปในทิศทางเดิม นักเทรดตามแนวโน้มมักมองหาการถอยกลับเล็กน้อยเหล่านี้เป็นโอกาสในการเข้าเทรดในระดับที่ดีกว่า
การเทรดสวนทางกับแนวโน้มมุ่งเน้นที่จะใช้ประโยชน์จากการกลับตัวของแนวโน้ม โดยการวิเคราะห์ตัวชี้วัด เช่น RSI, ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรือ ADX นักเทรดพยายามระบุเมื่อโมเมนตัมอาจเปลี่ยนทิศทางไปในทิศทางตรงข้าม
หากนักเทรดเข้าไปในจุดเริ่มต้นได้เร็วพอ พวกเขาอาจได้ประโยชน์จากการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้มีความเสี่ยงสูงกว่าเพราะการทำนายการกลับตัวของแนวโน้มได้อย่างแน่นอนเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับกลยุทธ์อื่น ๆ การประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนเป็นสิ่งสำคัญ
บังคับให้มีแนวโน้มที่ไม่มีอยู่: ตลาดมักจะเคลื่อนไหวในลักษณะข้างเคียง; ไม่ทุกราคาเคลื่อนไหวคือแนวโน้ม
เทรดขัดกับแนวโน้มหลัก: มือใหม่มักพยายามจับจังหวะกลับตัวเร็วเกินไป
ใช้แค่กรอบเวลาเดียว: ตลาดอาจดูเหมือนมีแนวโน้มในกรอบเวลาสั้น แต่จริง ๆ แล้วอาจเคลื่อนไหวในช่วงข้างเคียงในกรอบเวลาที่ยาวกว่า
มองข้ามการถอยกลับและการแก้ไข: แนวโน้มมักมีการแกว่งตัว การถอยกลับแค่ครั้งเดียวไม่ได้หมายความว่าแนวโน้มจะจบลง
พึ่งพาแค่ตัวชี้วัดโดยไม่สังเกตโครงสร้างราคา: ตัวชี้วัดช่วยได้ แต่การเคลื่อนไหวของราคา (Price Action) คือการยืนยันแนวโน้ม
| คุณสมบัติ | แนวโน้ม | การกลับตัวของแนวโน้ม |
|---|---|---|
| ความหมาย | การเคลื่อนไหวที่สม่ำเสมอในทิศทางหนึ่ง | การเปลี่ยนแปลงจากการเคลื่อนไหวขึ้นเป็นลง หรือจากลงเป็นขึ้น |
| สิ่งที่นักเทรดจับตามอง | จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น หรือจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ต่ำลง | การทำลายระดับสำคัญหรือเส้นแนวโน้ม |
| วัตถุประสงค์ | ช่วยให้นักเทรดตามทิศทางหลัก | ช่วยระบุจุดเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้น |
| พฤติกรรมทางการตลาด | มั่นคงและมีทิศทาง | มักผันผวนและไม่แน่นอน |
| การใช้ของนักเทรด | การปรับการเทรดให้สอดคล้องกับทิศทาง | การปรับตำแหน่งหรือเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ |
เส้นแนวโน้ม (Trendline) : เส้นที่วาดผ่านจุดสูงสุดหรือต่ำสุดเพื่อแสดงทิศทางของแนวโน้ม
การถอยกลับ (Pullback) : การหยุดชั่วคราวหรือการเคลื่อนไหวขัดกับแนวโน้มในระหว่างการเคลื่อนไหวที่ใหญ่กว่า
แนวโน้มแสดงทิศทางโดยรวมของตลาดเพื่อให้นักเทรดสามารถปรับการเทรดให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของตลาด
ไม่ ทุกแนวโน้มจะอ่อนแอลง หยุดชั่วคราว หรือกลับตัวในที่สุด ซึ่งเป็นเหตุผลที่นักเทรดต้องติดตามโมเมนตัมและโครงสร้างราคา
มือใหม่มักจะทำได้ดีกว่าการเทรดตามแนวโน้ม เพราะมันสอดคล้องกับทิศทางที่แข็งแกร่งของตลาด
แนวโน้มคือทิศทางโดยรวมของการเคลื่อนไหวของราคาและเป็นรากฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิคส่วนใหญ่ แนวโน้มขาขึ้นแสดงถึงความแข็งแกร่งของผู้ซื้อ แนวโน้มขาลงแสดงถึงความแข็งแกร่งของผู้ขาย และตลาดข้างเคียงสะท้อนถึงความไม่แน่ใจ
การเรียนรู้ที่จะระบุรูปแบบของจุดสูงและจุดต่ำและการใช้เครื่องมืออย่างเส้นแนวโน้มหรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ช่วยให้นักเทรดเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมของตลาด
การเข้าใจแนวโน้มช่วยให้มือใหม่ตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าเมื่อไหร่ควรเข้าออกหรือหลีกเลี่ยงการเทรด ซึ่งจะสนับสนุนการตัดสินใจที่มีระเบียบและมั่นใจมากขึ้น
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ