简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

Rectangle Pattern: เทคนิคการใช้เชิงกลยุทธ์

เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-30

Rectangle Pattern การก่อตัวของกราฟที่ราคาสวิงขึ้นลงระหว่างเส้นแนวนอนคู่ขนานของแนวรับและแนวต้านในช่วงการรวมตัวของราคา จากนั้นราคาจะทะลุออกไปพร้อมกับโมเมนตัมแนวโน้มใหม่


ในย่อหน้าต่อไป เราจะเริ่มจากการนิยามว่า Rectangle Pattern คืออะไร ก่อนที่จะลงลึกถึงการระบุชนิดต่างๆ กลยุทธ์การเทรด ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย การใช้งานจริง การบูรณาการเข้ากับกรอบการลงทุนโดยรวม และเช็คลิสต์ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเทรด


Rectangle Pattern: การหยุดพักของโมเมนตัมแนวโน้ม

The Rectangle Pattern

Rectangle Pattern เป็นสัญลักษณ์ของความไม่แน่นอนในตลาด ซึ่งเกิดขึ้นเมื่ออุปสงค์และอุปทานอยู่ในสมดุลชั่วคราว และราคาจะเคลื่อนตัวไปด้านข้างภายในช่วงที่กำหนด


ลักษณะสำคัญของช่วงนี้ ได้แก่:


  • เส้นแนวนอนของแนวรับและแนวต้านที่ประมาณค่าจุดบนและล่างของช่วงการเทรด

  • การทดสอบแต่ละขอบเขตหลายครั้ง: อย่างน้อยสองจุดสูงสุดสัมผัสแนวต้าน และสองจุดต่ำสุดสัมผัสแนวรับ

  • แนวโน้มก่อนหน้า (ขึ้นหรือลง) ก่อนช่วงการรวมตัว; หลังจากนั้น Rectangle Pattern อาจต่อเนื่องกับแนวโน้มหรือในบางกรณีกลับตัว

  • ปริมาณการซื้อขายมักลดลงในช่วงการรวมตัว แสดงถึงความเชื่อมั่นที่ลดลง จนกระทั่งเกิดการทะลุแนว


จากมุมมองทางจิตวิทยา Rectangle Pattern เป็นเหมือน “การหยุดยิงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย”: ไม่มีฝ่ายใดสามารถดันราคาผ่านขอบเขตได้ ทำให้ตลาด “หยุดนิ่ง”


เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะด้วยการทะลุแนว ราคามักกลับมาต่อเนื่องกับแนวโน้มเดิมหรือกลับตัว ทำให้ Rectangle Pattern เป็นเครื่องมือที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคเห็นว่ามีประโยชน์ในการติดตามอย่างยิ่ง


วิธีระบุ Rectangle Pattern ที่แท้จริงบนกราฟ


การระบุ Rectangle Pattern อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญหากคุณต้องการเทรดด้วยความมั่นใจ โดยมีเกณฑ์ดังนี้


1. เกณฑ์การระบุตัวตน

  • สร้างเส้นคู่ขนานหรือใกล้แนวนอน: หนึ่งเส้นที่ระดับบน (แนวต้าน) และอีกเส้นที่ระดับล่าง (แนวรับ) ยิ่งแนวนอนมากยิ่งดี (ยกเว้นการเอียงเล็กน้อยก็รับได้)


  • ควรมีการทดสอบขอบเขตแต่ละเส้นอย่างน้อยสองครั้ง (แนวรับและแนวต้าน) ยิ่งจำนวนครั้งมาก ยิ่งทำให้ขอบเขตแข็งแรง


  • ควรมีแนวโน้มที่สามารถระบุได้ก่อนหน้า (ขึ้นหรือลง) หากไม่มี แนวโน้มอาจน้อยความน่าเชื่อถือ หรืออาจเป็นเพียงช่วงเคลื่อนไหวด้านข้างธรรมดา


  • ช่วงการรวมตัวควรยาวพอสมควร (โดยทั่วไปหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนบนกราฟรายวัน) เพื่อให้รูปแบบมีคุณค่าการวิเคราะห์


  • เมื่อเกิดการทะลุ (ราคาขยับอย่างชัดเจนเหนือแนวต้านหรือต่ำกว่าแนวรับ) ควรหาสัญญาณยืนยันผ่าน:

  1. การปิดเหนือ/ต่ำกว่าเส้นขอบเขตของ Rectangle Pattern (ไม่ใช่เพียงไส้เทียน)

  2. ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงการรวมตั


วิธีการระบุ Rectangle Pattern ที่แท้จริง
คุณสมบัติ ข้อกำหนด / แนวทางปฏิบัติ
ขอบเขต เส้นคู่ขนานเกือบแนวนอน 2 เส้น (แนวรับ & แนวต้าน)
การทดสอบ แตะเส้นแต่ละเส้นอย่างน้อย 2 ครั้ง
แนวโน้มก่อนหน้า มีทิศทางแนวโน้มชัดเจน (ขาขึ้นหรือขาลง)
ระยะเวลา ช่วงการรวมตัวยาวพอสมควร (หลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน)
ยืนยันการทะลุ ปิดเหนือ/ต่ำกว่าเส้นขอบเขต + ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น


ประเภทของ Rectangle Pattern: ขาขึ้น vs ขาลง

Bullish Rectangle and  Bearish Rectangle

แม้โครงสร้างทางเรขาคณิตจะเหมือนกัน แต่บริบท (ทิศทางแนวโน้ม) และทิศทางการทะลุของราคา จะกำหนดประเภทหลักของ Rectangle Pattern ได้ 2 แบบ


1. Rectangle Pattern ขาขึ้น (ต่อเนื่องในแนวโน้มขาขึ้น)

  • เกิดขึ้นตามแนวโน้มขาขึ้น จากนั้นราคาจะเข้าสู่ช่วงการรวมตัว ก่อตัวเป็นรูป Rectangle Pattern

  • ความคาดหวังคือการทะลุขึ้นไปด้านบน (เหนือเส้นแนวต้าน)

  • หลังจากทะลุแนวรับแล้ว เป้าหมายมักจะเป็นความสูงของ Rectangle Pattern ที่ยื่นขึ้นมาจากจุดทะลุแนวรับ

  • โดยทั่วไปแล้ว จุดตัดขาดทุนจะถูกวางไว้ใต้จุดทะลุราคาเล็กน้อย หรืออยู่ต่ำกว่าเส้นแนวรับของ Rectangle Pattern เล็กน้อย


2. Bearish Rectangle (ยังคงมีแนวโน้มขาลง)

  • เกิดขึ้นหลังแนวโน้มขาลง ตลาดหยุดชะงักและก่อตัวเป็นรูป Rectangle Pattern

  • ความคาดหวังคือการพังทลาย (ต่ำกว่าเส้นแนวรับ) ซึ่งจะนำไปสู่การลดลงต่อไป

  • เป้าหมายคือความสูงของ Rectangle Pattern ที่ฉายลงมาจากจุดทะลุ

  • โดยทั่วไปแล้ว Stop‑loss จะอยู่เหนือเส้นต้านทานของ Rectangle Pattern หรือจุดทะลุออกเล็กน้อย


3. ความเป็นไปได้ในการกลับทิศทาง

แม้ว่ารูปแบบ Rectangle Pattern จะมีลักษณะเป็นรูปแบบต่อเนื่องมากกว่า แต่บางครั้ง Rectangle Pattern ก็อาจทำหน้าที่เป็นรูปแบบการกลับตัวได้ โดยเฉพาะเมื่อแนวโน้มก่อนหน้าหมดลงแล้ว


ดังนั้นบริบทจึงมีความสำคัญ: ให้ดูที่ปริมาณ ความรู้สึกของตลาด ความแข็งแกร่งของแนวโน้มก่อนหน้า และสภาวะตลาดโดยรวม


กลยุทธ์การเทรดแบบทีละขั้นตอน: จากการระบุรูปแบบจนถึงการดำเนินการ

How to Trade with Rectangle Pattern

เมื่อคุณระบุรูปแบบ Rectangle Pattern ที่ถูกต้องแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการดำเนินการอย่างเป็นระบบ กลยุทธ์ต่อไปนี้ครอบคลุมกฎการเข้า (Entry) การวางจุดตัดขาดทุน (Stop loss) การตั้งเป้าหมาย (Target) และตัวกรองยืนยัน (Confirmation)


1. สัญญาณเข้า

  • รอให้ราคาปิดเหนือหรือใต้ขอบเขตของ Rectangle Pattern แทนการเข้าเพียงแค่จากไส้เทียน (Wick)

  • ยืนยันการทะลุด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ปริมาณเพิ่มขึ้นนี้สื่อถึงความมุ่งมั่นของตลาดในการทะลุ

  • โดยสมบูรณ์แบบ การทะลุควรเป็นไปตามทิศทางของแนวโน้มก่อนหน้า เพื่อสนับสนุนตรรกะของรูปแบบต่อเนื่อง


2. การวางตำแหน่ง Stop-loss

  • สำหรับการทะลุขึ้น (Bullish breakout): วางจุดตัดขาดทุนใต้จุดทะลุหรือใต้เส้นแนวรับของ Rectangle Pattern

  • สำหรับการทะลุลง (Bearish breakout): วางจุดตัดขาดทุนเหนือจุดทะลุหรือเหนือเส้นแนวต้าน

  • ขนาดของ Stop ควรสอดคล้องกับความยอมรับความเสี่ยงและขนาดบัญชีของคุณ


3. การประมาณราคาเป้าหมาย

  • วัดความสูงของ Rectangle Pattern (เส้นแนวต้านลบด้วยเส้นแนวรับ)

  • นำความสูงนั้นไปฉายจากจุดทะลุในทิศทางของการทะลุเพื่อประมาณเป้าหมายราคา

  • ตัวอย่าง: หาก Rectangle Pattern อยู่ระหว่าง 50 ถึง 55 (ความสูง = 5) และเกิดการทะลุขึ้นที่ 55 เป้าหมายราคาจะอยู่ประมาณ 60 สำหรับการทะลุขึ้น


4. ตัวกรองและตัวชี้วัดสนับสนุน

  • ใช้ตัวชี้วัดโมเมนตัม เช่น RSI หรือ MACD เพื่อประเมินความแข็งแกร่ง การที่ RSI เพิ่มขึ้นในช่วงการรวมตัวและการทะลุจะเพิ่มความน่าเชื่อถือ

  • ตรวจสอบแนวโน้มปริมาณการซื้อขาย — ปริมาณลดลงในช่วงการรวมตัวตามด้วยการเพิ่มขึ้นในช่วงการทะลุ จะเพิ่มความน่าเชื่อถือ

  • พิจารณาแนวโน้มตลาดโดยรวมและปัจจัยพื้นฐาน เพื่อให้มั่นใจว่าการทะลุมีความสอดคล้อง (ไม่ใช่แค่สัญญาณทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว)


5. ความเสี่ยง/ผลตอบแทนและเวลา

  • ตั้งเป้าสัดส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนอย่างน้อย 1:2 (ผลตอบแทนคาดหวังอย่างน้อยสองเท่าของความเสี่ยง) เมื่อเป็นไปได้

  • ช่วงเวลา: บนกราฟรายวัน รูปแบบ Rectangle Pattern มักใช้เวลาประมาณสามเดือน (ราว 90 วัน) ก่อนเกิดการทะลุ


สรุปขั้นตอนกลยุทธ์

  1. ระบุแนวโน้มก่อนหน้า

  2. วาดเส้นแนวรับและแนวต้านโดยมีการสัมผัสอย่างน้อยสองครั้งต่อแต่ละเส้น

  3. ยืนยันระยะเวลาการรวมตัวและการลดลงของปริมาณการซื้อขาย

  4. รอการปิดเหนือ/ใต้เส้น Rectangle Pattern พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น

  5. เข้าสู่การซื้อขาย (ซื้อหรือขาย) ตามทิศทางการทะลุ

  6. ตั้งจุดหยุดขาดทุนและประมาณเป้าหมายราคา

  7. ติดตามการซื้อขาย ปรับจุดหยุดหากจำเป็น และเตรียมพร้อมสำหรับการทะลุหลอก


ข้อผิดพลาดทั่วไปและวิธีหลีกเลี่ยงการทะลุหลอก


แม้แต่รูปแบบ Rectangle Pattern ที่ระบุอย่างถูกต้องก็อาจล้มเหลวได้ — กุญแจคือการลดความเสี่ยงโดยการรับรู้และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป


ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย

  1. เข้าซื้อขายเร็วเกินไป
    การเข้าก่อนมีสัญญาณยืนยันการทะลุอย่างชัดเจน (ปิดนอกกรอบ + ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น) มักนำไปสู่การขาดทุน

  2. ปริมาณการซื้อขายอ่อนที่จุดทะลุ
    หากไม่มีปริมาณสนับสนุน การทะลุมีโอกาสกลับตัวสูง

  3. ระบุเส้นแนวรับ/แนวต้านผิดพลาด
    การวาดเส้นไม่ถูกต้อง หรือมีเพียงการสัมผัสเส้นเดียว จะทำให้รูปแบบอ่อนแอลง

  4. มองข้ามบริบทโดยรวม
    รูปแบบ Rectangle Pattern ในตลาดที่ผันผวนสูง หรือไม่มีแนวโน้มก่อนหน้า อาจไม่เชื่อถือได้

  5. อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนไม่ดี
    หาก Rectangle Pattern แคบเกินไป เป้าหมายราคาอาจเล็กเกินไปและไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยง


วิธีหลีกเลี่ยงสัญญาณหลอก

  1. ต้องการให้ปิดอย่างแน่นหนาภายนอกขอบ Rectangle Pattern ไม่ใช่แค่หนามหรือไส้ตะเกียง

  2. ยืนกรานให้มีการเพิ่มปริมาณเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยล่าสุดเมื่อทะลุผ่าน

  3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปแบบดังกล่าวปรากฏในบริบทของแนวโน้มและการรวมตัวที่น่าเชื่อถือ (ไม่ใช่การเคลื่อนไหวด้านข้างที่ไม่แน่นอน)

  4. ตั้งจุดตัดขาดทุนให้แคบพอที่จะจำกัดความเสียหายหากการทะลุราคาล้มเหลว

  5. ใช้ตัวบ่งชี้เพิ่มเติม (RSI, MACD) เพื่อยืนยันทิศทางโมเมนตัม

  6. เตรียมที่จะออกทันทีหากราคาตกลงไปในรูปแบบ Rectangle Pattern (นั่นคือ การทะลุไม่สำเร็จ)


การรวมรูปแบบ Rectangle Pattern เข้ากับกรอบการเทรดโดยรวมของคุณ

Tech-themed background with financial graph illustration.

สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ยังติดตามพอร์ตอย่างสม่ำเสมอและมุ่งหวังทั้งการเติบโตแบบมั่นคงและการเติบโตในตลาดที่ร้อนแรง วิธีการใช้รูปแบบ Rectangle Pattern เข้ากับพอร์ตของคุณมีดังนี้:


  • ใช้ Rectangle Pattern เป็นสัญญาณตั้งต้นสำหรับการเทรดเชิงกลยุทธ์ ภายในพอร์ตโดยรวม รูปแบบนี้ไม่จำเป็นต้องถือระยะยาว แต่สามารถให้โอกาสความเสี่ยง-ผลตอบแทนที่ชัดเจน


  • สำหรับผู้ที่ตรวจพอร์ตบ่อย (เช่น คุณอาจตรวจมูลค่าสุทธิหลายร้อยครั้งต่อวัน) การ breakout ของ Rectangle Pattern ช่วยให้คุณมีสัญญาณชัดเจนในการเข้า/ออก ไม่เหมือนสัญญาณที่กำกวม


  • รวมรูปแบบ Rectangle Pattern เข้ากับวินัยการลงทุนที่มีอยู่:

  1. ใช้เพื่อกำหนดจุดเข้าอย่างชัดเจน (เมื่อ breakout เกิดขึ้น) แทนการเทรดแบบหุนหันพลันแล่น

  2. ใช้เพื่อวาง stop loss และตั้งเป้าหมายล่วงหน้า ให้สอดคล้องกับการบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทน

  3. ใช้เพื่อเสริมกลยุทธ์กองทุนระยะยาว: ขณะที่กองทุนเติบโตช้า การเทรดรูปแบบ Rectangle สามารถเป็นการเล่นระยะสั้นที่มีวินัยได้


  • ควรรักษาการควบคุมความเสี่ยง: อย่าให้การเทรด breakout ของ Rectangle Pattern ใช้เงินว่างมากเกินไป — ให้เริ่มด้วยขนาดเล็ก มี stop‑loss ชัดเจน และมีกลยุทธ์ที่บันทึกไว้


  • บันทึกผลลัพธ์ของการเทรด Rectangle Pattern ทั้งที่ได้ผลและไม่ได้ผล เพื่อปรับปรุงเกณฑ์การระบุรูปแบบและจังหวะเวลา เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะพัฒนาตัว “แม่แบบ” ภายในว่า rectangle คุณภาพสูงควรมีลักษณะอย่างไรสำหรับตลาดที่คุณสนใจ (เช่น หุ้นหรือกองทุนที่เน้นจีน ถ้านั่นคือจุดสนใจของคุณ)


รายการตรวจสอบก่อนเทรดรูปแบบ Rectangle Pattern

ก่อนที่จะลงเงินในเทรดจากรูปแบบ Rectangle Pattern ให้ตรวจสอบแต่ละข้อดังนี้:


  1. มีแนวโน้มก่อนหน้า (uptrend สำหรับ Rectangle Pattern แบบ bullish, downtrend สำหรับแบบ bearish) หรือไม่?

  2. มีการแตะเส้นขอบบน (resistance) และขอบล่าง (support) อย่างน้อยสองครั้งหรือไม่?

  3. เส้น support และ resistance ชัดเจนเป็นแนวนอนหรือใกล้เคียงแนวนอนหรือไม่?

  4. การรวมตัวของราคา (consolidation) ดำเนินมานานพอสมควร (หลายวัน/หลายสัปดาห์) ไม่ใช่แค่ไม่กี่แท่งกราฟหรือไม่?

  5. ปริมาณการซื้อขาย (volume) ลดลงระหว่าง consolidation หรือไม่ (บ่งชี้สมดุล)?

  6. มีราคาปิดนอกเส้น Rectangle Pattern (breakout) หรือไม่ ไม่ใช่แค่ไส้เทียน (wick)

  7. มีการเพิ่มขึ้นของ volume ประกอบกับ breakout หรือไม่ (ยืนยัน)?

  8. คุณวาง stop‑loss ไว้เกินขอบตรงข้ามหรือไม่?

  9. คุณคำนวณเป้าหมายโดยใช้หลักการวัดความสูงของ Rectangle Pattern หรือไม่?

  10. อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (risk‑reward) ยอมรับได้หรือไม่ (เช่น อย่างน้อย 1:2)?

  11. พิจารณาบริบทตลาดโดยรวมแล้วหรือยัง (แนวโน้มกว้าง ข่าวสาร ความรู้สึกตลาด)?

  12. พร้อมออกจากการเทรดหากราคากลับเข้ามาใน Rectangle Pattern หรือไม่ (breakout ล้มเหลว)?


ใช้รายการตรวจสอบนี้เป็นด่านสุดท้ายก่อนกด “enter” เพื่อเทรด


บทสรุป


รูปแบบ Rectangle Pattern มอบขอบเขตที่ชัดเจน สัญญาณ breakout เป้าหมายที่วัดได้ และการควบคุมความเสี่ยงอย่างมีวินัย เมื่อใช้อย่างถูกต้อง จะช่วยเสริมทั้งการติดตามตลาดแบบแอคทีฟและการลงทุนระยะยาวได้


อย่างไรก็ตาม รูปแบบนี้ไม่สมบูรณ์แบบ เพราะอาจเกิด breakout ปลอมและการลากเส้นที่เป็นเรื่องส่วนตัวได้ และบริบทของตลาดก็สำคัญ การปฏิบัติอย่างมีวินัยจะทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือที่มีโครงสร้าง


เริ่มจากการเทรดในบัญชีทดลอง ปรับปรุงวิธีการของคุณ และนำแนวคิดระมัดระวังเดียวกันไปใช้กับตลาดจริงเหมือนกับที่คุณทำกับพอร์ตโฟลิโอฟันด์ของคุณ


คำถามที่พบบ่อย


คำถามที่ 1: Rectangle Pattern คืออะไร?

รูปแบบ Rectangle Pattern คือช่วงการรวมตัวของราคา โดยราคาจะเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์ระหว่างแนวรับและแนวต้านแนวนอน แสดงถึงความไม่แน่นอนชั่วคราวของตลาดก่อนที่จะเกิดการ breakout


คำถามที่ 2: วิธีระบุรูปแบบ Rectangle Pattern ทำได้อย่างไร?

รูปแบบ Rectangle Pattern สามารถระบุได้จากการลากเส้นแนวรับและแนวต้านคู่ขนานที่มีการสัมผัสอย่างน้อยสองครั้งในแต่ละเส้น มีแนวโน้มก่อนหน้าไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง และปริมาณการซื้อขายลดลงในช่วงการรวมตัว


คำถามที่ 3: รูปแบบ Rectangle Pattern มีกี่ประเภท?

  • Bullish Rectangle: เกิดหลังแนวโน้มขาขึ้น มักเกิด breakout ขึ้น

  • Bearish Rectangle: เกิดหลังแนวโน้มขาลง มักเกิด breakout ลง

  • Reversal Rectangle: พบได้ไม่บ่อย เกิดเมื่อแนวโน้มก่อนหน้าหมดแรง


คำถามที่ 4: ควรเทรดรูปแบบ Rectangle Pattern อย่างไรดีที่สุด?

ควรเข้าเทรดหลังจาก breakout ยืนยันแล้วพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ตั้ง stop loss ไว้เหนือหรือใต้ขอบตรงข้าม และกำหนดเป้าหมายโดยใช้ความสูงของ Rectangle Pattern ตัวชี้วัดโมเมนตัม เช่น RSI หรือ MACD สามารถใช้ยืนยันทิศทาง breakout ได้


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
รูปแบบ Bullish Rectangle และวิธีเทรดอย่างแม่นยำ
12 รูปแบบกราฟ Forex ที่เทรดเดอร์ควรรู้
กลยุทธ์ Break and Retest เคล็ดลับการเทรดที่ได้ผล
Flag Pattern ใน Forex คืออะไร?
USD/CNY ร่วงต่ำกว่าเส้น EMA: แนวโน้มขาลงยังคงอยู่