เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-17
ยอดขายสุทธิ: 167.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
รายได้จากการดำเนินงาน: 19.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 30.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
กระแสเงินสดอิสระ: 18.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ย้อนหลัง 12 เดือน) ลดลงจาก 53.0 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายด้านเงินลงทุนที่สูงขึ้น
รายได้ AWS: 30.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
อัตรากำไรจากการดำเนินงานของ AWS: 32.9% ลดลงจาก 39.5% ในไตรมาสก่อนหน้า
Amazon ยังคงเป็นหุ้นที่น่าลงทุนในระยะยาวสำหรับนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตและความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี โดยได้รับแรงหนุนจากความโดดเด่นของ AWS และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ที่กำลังเติบโต
แม้ในระยะสั้นอาจต้องระมัดระวังจากความผันผวนของตลาดและแรงกดดันด้านมูลค่า แต่โครงสร้างธุรกิจที่หลากหลายและทิศทางนวัตกรรมของบริษัท ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนความแข็งแกร่งในระยะยาว
ด้านล่างนี้คือการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจ ผลประกอบการ แรงขับเคลื่อนการเติบโต ความเสี่ยง การประเมินมูลค่า บรรยากาศในตลาด และกลยุทธ์ที่นักลงทุนควรพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้น Amazon
รายได้ของ Amazon มาจากหลายเสาหลักที่มีลักษณะแตกต่างกันแต่เสริมกันอย่างลงตัว ได้แก่
อีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์: รายได้จากการขายปลีก (ทั้งแบบขายตรงและแบบบุคคลที่สาม) ค่าธรรมเนียมจาก Marketplace และบริการด้านการจัดส่งสินค้า ขนาดเครือข่ายโลจิสติกส์ของ Amazon ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและการควบคุมในการดำเนินงานค้าปลีกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Amazon Web Services (AWS): บริการโครงสร้างพื้นฐานและแพลตฟอร์มระบบคลาวด์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงที่สุดของบริษัทมาโดยตลอด
การโฆษณาและการสมัครสมาชิก: รายได้จากโฆษณาดิจิทัล ค่าสมาชิกรายปีของ Prime และบริการด้านสื่อ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีอัตรากำไรสูง
โครงการริเริ่มอื่นๆ: ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ (เช่น Echo) ร้านค้าจริง และสายธุรกิจเฉพาะทางอื่น ๆ ซึ่งอาจกลายเป็นโอกาสในการขยายตัวในอนาคต
โมเดลธุรกิจแบบหลายเสานี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้เพียงแหล่งเดียว และเปิดโอกาสให้ Amazon สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและระบบโลจิสติกส์ร่วมกันในแต่ละธุรกิจได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ การให้ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในช่วงหลัง โดยเฉพาะการผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับทั้ง AWS และธุรกิจค้าปลีก กำลังเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดแนวโน้มของบริษัทในระยะกลาง
AWS ยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบริการโครงสร้างพื้นฐานและแพลตฟอร์มคลาวด์ (IaaS/PaaS) พร้อมทั้งมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานสูงกว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่อง
ขนาดธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น การขยายกลุ่มบริการ และความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ล้วนส่งเสริมให้ AWS กลายเป็นเครื่องจักรสร้างผลกำไรหลักของบริษัท
ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า รายได้ของ AWS ยังคงเติบโตอย่างมั่นคง และเป็นส่วนสำคัญที่สุดของรายได้จากการดำเนินงานทั้งหมดของ Amazon
ธุรกิจโฆษณาของ Amazon ได้รับประโยชน์จากข้อมูลการช็อปปิ้งของลูกค้าโดยตรง (first-party data) และตำแหน่งโฆษณาที่ฝังอยู่ในกระบวนการซื้อสินค้า ทำให้มีอัตรากำไรสูงและขยายตัวรวดเร็วกว่าธุรกิจค้าปลีกทั่วไป ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรโดยรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ระบบจัดส่งสินค้าที่ครอบคลุมทั่วโลกและระบบนิเวศของ Prime ช่วยเพิ่มอัตราการรักษาฐานลูกค้า พร้อมทั้งสร้างอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดสำหรับคู่แข่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่การจัดส่งภายในสองวัน (หรือเร็วกว่านั้น) เป็นจุดขายสำคัญ
นักวิเคราะห์หลายรายเห็นพ้องว่า การผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับบริการของ AWS ประสบการณ์ลูกค้า และระบบอัตโนมัติภายในองค์กร เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเติบโต หากการใช้งาน AI ช่วยเพิ่มการใช้จ่ายบนคลาวด์หรือกระตุ้นยอดขายในธุรกิจค้าปลีกและโฆษณา ผลลัพธ์เชิงบวกที่เกิดขึ้นอาจมีนัยสำคัญต่อมูลค่าหุ้น
จากการประเมินของนักวิเคราะห์ล่าสุด เป้าหมายราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า บ่งชี้ถึงโอกาสการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากระดับราคาการซื้อขายในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2025 โดยคาดการณ์ว่าอาจเพิ่มขึ้นราว 20–25% จากความคาดหวังต่อการเร่งตัวของผลกำไรและการขยายค่า P/E ในอนาคต
มูลค่าหุ้นของ Amazon ในปัจจุบันได้สะท้อนการคาดการณ์การเติบโตในอนาคตไว้ในระดับสูงแล้ว หากการเติบโตของ AWS ชะลอตัวลง หรือรายได้จากการโฆษณาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) อาจถูกกดดันให้ลดลงได้
Microsoft Azure และ Google Cloud เป็นคู่แข่งรายใหญ่ที่มีขนาดธุรกิจใกล้เคียงกัน การแข่งขันด้านราคา การแย่งชิงลูกค้า และการพัฒนาเทคโนโลยีให้ทัดเทียมกัน ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจจำกัดการเติบโตของ AWS
หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกกำลังจับตามอง Amazon อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเรื่องความเป็นธรรมของตลาด การใช้ข้อมูล และการแข่งขันทางธุรกิจ ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือบังคับให้ปรับโครงสร้างธุรกิจ ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร
รายได้จากธุรกิจค้าปลีกมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการใช้จ่ายของผู้บริโภค หากเศรษฐกิจชะลอตัวหรือความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง ยอดขายของ Amazon ก็อาจได้รับผลกระทบตามไปด้วย
การลงทุนในระบบโลจิสติกส์ โครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และสายผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ต้องใช้เงินทุนสูงและต้องอาศัยการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ หากบริหารผิดพลาดหรือผลตอบแทนไม่เป็นไปตามเป้า อัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุน (ROIC) อาจลดลง
ธีม | ข้อดี (เหตุผลที่ควรซื้อ) | ความเสี่ยง (เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ) |
---|---|---|
Cloud & AI | AWS เป็นผู้นำตลาดที่มีอัตรากำไรสูง การผสาน AI ช่วยขับเคลื่อนการเติบโต | การแข่งขันจาก Azure และ Google Cloud อาจจำกัดศักยภาพการเติบโต |
Advertising | ธุรกิจโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและมีอัตรากำไรสูง เติบโตเร็วกว่าธุรกิจค้าปลีก | มูลค่าหุ้นสะท้อนการเติบโตไว้แล้ว หากผลงานต่ำกว่าคาดอาจกระทบต่อมูลค่า |
E-commerce & Logistics | ระบบ Prime และเครือข่ายโลจิสติกส์ช่วยรักษาฐานลูกค้าและป้องกันคู่แข่ง | ยอดขายค้าปลีกอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภค |
Growth Optionality | การประยุกต์ใช้ AI และผลิตภัณฑ์ใหม่สามารถสร้างรายได้เพิ่มเติม | โครงการที่ใช้เงินลงทุนสูงอาจไม่ให้ผลตอบแทนตามคาด |
Market Perspective | เป้าหมายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าหุ้นมีโอกาสปรับขึ้นราว 20–25% | ความเสี่ยงจากกฎระเบียบและการตรวจสอบด้านผูกขาดอาจเพิ่มต้นทุนและจำกัดการดำเนินงาน |
ระดับการซื้อขายปัจจุบัน: ณ ช่วงกลางเดือนตุลาคม ปี 2025 หุ้น Amazon ซื้อขายอยู่ในช่วงระดับ 200 ดอลลาร์ต้นถึงกลาง โดยอยู่ที่ประมาณ 214 ดอลลาร์ต่อหุ้น หลังจากผ่านช่วงการปรับฐานของราคา
เกณฑ์การประเมินมูลค่าทั่วไป: อัตราส่วน ราคาต่อรายได้ (Price-to-Sales) อยู่ที่ประมาณ 3.5 เท่า ส่วน EV/EBITDA อยู่ในช่วงระดับ “กลางหลักสิบ” ซึ่งถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานทั่วไปของบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ค่า P/E ย้อนหลังและคาดการณ์ล่วงหน้า ยังคงอยู่ในระดับสูง สะท้อนถึงความคาดหวังในการเติบโตของกำไรในอนาคต
ฉันทามติจากนักวิเคราะห์: ราคาเป้าหมายเฉลี่ยในช่วง 1 ปีข้างหน้า อยู่ที่ประมาณ 260–270 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งหมายถึงโอกาสในการปรับขึ้นราว 20–25% จากระดับราคาปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ช่วงประมาณการของนักวิเคราะห์มีความแตกต่างกัน ตั้งแต่ระดับต่ำสุดราว 195 ดอลลาร์ ไปจนถึงสูงสุดราว 305 ดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนมุมมองที่แตกต่างกันต่อการเติบโตและอัตรากำไรของ AWS
Bull Case (มุมมองบวก): หาก AWS ขยายตัวเร็วขึ้น ธุรกิจโฆษณาสร้างรายได้เกินคาด และนักลงทุนให้มูลค่าเพิ่มขึ้น (multiple re-rating) ราคาหุ้นอาจปรับตัวขึ้นเหนือระดับเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญ
Base Case (มุมมองกลาง): AWS เติบโตในอัตรากลางระดับหลักสิบต่อปี ธุรกิจโฆษณายังคงขยายตัว และรายได้ค้าปลีกมีเสถียรภาพ ราคาหุ้นค่อย ๆ ปรับขึ้นถึงระดับราคาเป้าหมายโดยรวม
Bear Case (มุมมองลบ): การเติบโตของ AWS ชะลอตัว ความกดดันจากกฎระเบียบหรืออัตรากำไรลดลง อาจทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงจากระดับปัจจุบัน
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เชื่อมั่นในแนวโน้มการเติบโตระยะยาวของ Amazon ทั้งในด้าน Cloud, โฆษณา และค้าปลีก ควรเริ่มต้นด้วยการทยอยซื้อแบบ Dollar-Cost Averaging เพื่อลดความเสี่ยงจากจังหวะเวลาในการเข้าซื้อ
เหมาะสำหรับผู้ที่รอจังหวะราคาย่อตัวลงใกล้แนวรับทางเทคนิค หรือรอจังหวะที่ AWS และอัตรากำไรแสดงสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน ควรกำหนดสัดส่วนการลงทุนไม่เกินระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้
ควรจัดสรรหุ้น Amazon เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตที่หลากหลาย ทั้งในกลุ่มเทคโนโลยีและสินค้าอุปโภคบริโภค กำหนด Stop Loss หรือ จุดประเมินใหม่ หากมีสัญญาณเชิงลบ เช่น อัตราการเติบโตของ AWS ลดลง อัตรากำไรหดตัว หรือมีการบังคับใช้กฎระเบียบที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
การเติบโตของรายได้และอัตรากำไรจากการดำเนินงานของ AWS การเติบโตของรายได้จากธุรกิจโฆษณา แนวโน้มกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) และค่าใช้จ่ายลงทุน (Capex) แนวทางและคำแนะนำจากผู้บริหารในรายงานผลประกอบการรายไตรมาส
การเติบโตของ AWS, การขยายตัวของธุรกิจโฆษณา, และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของผลตอบแทนในอนาคตของ Amazon
Amazon มีอัตราส่วนมูลค่าธุรกิจ (Enterprise Multiples) ใกล้เคียงกับทั้ง Microsoft และ Alphabet (Google) แต่แตกต่างกันในด้านโครงสร้างธุรกิจและแนวโน้มการเติบโตในแต่ละกลุ่มรายได้
ตัวชี้วัดสำคัญ ได้แก่ รายได้และอัตรากำไรของ AWS, การเติบโตของธุรกิจโฆษณา, กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow), ค่าใช้จ่ายลงทุน (Capex) และแนวโน้มจำนวนสมาชิก Prime
สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากราคาหุ้นอาจถูกกดดันจากปัจจัยภายนอก เช่น ความผันผวนของตลาด ภาวะเศรษฐกิจมหภาค หรือข่าวด้านกฎระเบียบ
Amazon ยังคงเป็นหุ้นเติบโตคุณภาพสูง โดยมี AWS, ธุรกิจโฆษณา, และ อีคอมเมิร์ซ เป็นแกนหลักของความแข็งแกร่ง หากการนำเทคโนโลยี AI และการขยายธุรกิจคลาวด์ยังคงดำเนินไปต่อเนื่อง ศักยภาพในการเติบโตของราคาหุ้นยังคงมีอยู่มาก แม้มูลค่าหุ้นในปัจจุบันจะสะท้อนความคาดหวังบางส่วนไปแล้ว แต่แนวโน้มการลงทุนระยะยาวยังคงน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มีความอดทน
สำหรับนักลงทุนระยะยาว สามารถพิจารณา “ทยอยซื้อสะสม” หรือ “ซื้อในจังหวะที่เหมาะสม” ขณะที่นักลงทุนระยะสั้นหรือผู้ที่ให้ความสำคัญกับมูลค่าหุ้น ควรรอให้เห็นสัญญาณชัดเจนของการขยายอัตรากำไร หรือรอจังหวะการย่อตัวทางเทคนิคก่อนเข้าซื้อ ทั้งนี้ ขนาดการลงทุนควรสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และกลยุทธ์พอร์ตโดยรวม
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ