简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

เข้าใจ Bid Ask คืออะไร เหตุผลที่ราคาซื้อขายไม่เคยเท่ากัน

2025-09-17

Bid Ask คือ ตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนสภาพคล่องและต้นทุนการเทรด ทำให้ทั้ง Bid และ Ask มีความสำคัญในตลาดการลงทึนเป็นอย่างมาก เพราะถ้านักลงทุนไม่ใส่มัน อาจพลาดโอกาสและเสียเงินโดยไม่รู้ตัวได้ บทความนี้จะอธิบาย Bid Ask คืออะไร เทคนิตใช้ Bid และ Ask วิเคราะห์แรงซื้อแรงขาย พร้อมข้อควรระวังที่มือโปรใช้เพื่อจัดการความเสี่ยง


Bid Ask คืออะไร ทำไมราคาซื้อขายถึงแตกต่างกัน


Bid Ask คือ กลไกสำคัญที่สะท้อนราคาซื้อและราคาขายของสินทรัพย์ในตลาด เริ่มต้นที่ Bid คือราคาที่ผู้ซื้อพร้อมจ่ายเพื่อซื้อสินทรัพย์หนึ่ง ๆ หากนักลงทุนต้องการซื้อหุ้นหรือคู่เงินในตลาด ราคาที่แสดงในช่อง Bid คือราคาที่คุณจะต้องจ่ายหากจับคู่กับผู้ขายทันที Bid สะท้อนความต้องการซื้อและแรงกดดันของผู้ซื้อในตลาด


ขณะที่ Ask คือราคาที่ผู้ขายพร้อมรับเพื่อขายสินทรัพย์นั้น ๆ ในแพลตฟอร์มเทรด ราคาที่แสดงในช่อง Ask คือราคาที่ผู้ขายต้องการขาย หากนักลงทุนต้องการขายสินทรัพย์ ราคานี้จะเป็นราคาที่คุณจะได้รับ


ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการซื้อหุ้น A ที่ราคา 100 บาท ผู้ซื้อคนอื่นอาจเสนอราคาต่ำกว่า 100 บาท ในขณะที่ผู้ขายอาจรอราคาสูงกว่า 101 บาท ซึ่งค่าความต่างระหว่าง Bid และ Ask ตรงนี้ เราจะเรียกว่าค่า Spread


โดยค่า Spread จะเป็นตัวชี้วัดต้นทุนที่แท้จริงของการซื้อขาย เพราะถ้า Spread แคบ การเทรดจะมีต้นทุนต่ำและใกล้เคียงกับราคาตลาดจริง แต่หาก Spread กว้าง เช่น ในหุ้นขนาดเล็กหรือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำนั่นเอง


ตารางอธิบาย Bid และ Ask

หัวข้อ

ความหมาย

ตัวอย่าง

ข้อสังเกต

Bid

ราคาที่ผู้ซื้อพร้อมจ่ายเพื่อซื้อสินทรัพย์

หุ้น A Bid = 100 บาท หมายความว่าผู้ซื้อพร้อมจ่าย 100 บาท

แสดงแรงซื้อในตลาด หาก Bid สูงขึ้น แปลว่ามีแรงซื้อมาก

Ask

ราคาที่ผู้ขายพร้อมรับเพื่อขายสินทรัพย์

หุ้น A Ask = 101 บาท หมายความว่าผู้ขายพร้อมขายหุ้นในราคา 101 บาท

แสดงแรงขายในตลาด หาก Ask ลดลง แปลว่ามีแรงขายสูง

Spread

ความแตกต่างระหว่าง Bid และ Ask

Spread = 101 - 100 = 1 บาท

ใช้วัดต้นทุนการซื้อขายและสภาพคล่องของตลาด


Bid Ask คืออะไร - EBC


เทคนิคใช้ Bid Ask วิเคราะห์แรงซื้อแรงขายแบบมือโปร


การนำข้อมูล Bid Ask มาใช้วิเคราะห์แรงซื้อแรงขายสามารถยกระดับการเทรดนั้น ต้องมีการใช้เทคนิคที่นำราคาและปริมาณคำสั่งซื้อขายมาคิดวเิเคราะห์ร่วมกัน เพื่อประเมินสภาพคล่องและทิศทางราคาของสินทรัพย์ เพราะการติดตาม Bid, Ask และ Spread อย่างเป็นระบบช่วยให้สามารถคาดการณ์แรงซื้อแรงขายและความผันผวนในตลาดได้


สังเกต Bid-Ask Imbalance


การเปรียบเทียบปริมาณคำสั่งซื้อ (Bid Size) กับคำสั่งขาย (Ask Size) หรือที่เรียกว่า Imbalance เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักเทรดมืออาชีพ หาก Bid Size สูงกว่า Ask Size อย่างต่อเนื่อง หมายความว่ามีแรงซื้อเข้มแข็ง ราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างช้า ๆ หรือรวดเร็วขึ้นตามแรงซื้อ ในทางกลับกัน หาก Ask Size สูงกว่ามาก แสดงว่าตลาดมีแรงขายสูง นักลงทุนสามารถใช้สัญญาณนี้เพื่อวางกลยุทธ์ซื้อขายและคาดการณ์แนวโน้มราคาล่วงหน้า


ใช้ Spread ประกอบการวิเคราะห์


Spread หรือความแตกต่างระหว่าง Bid และ Ask เป็นอีกตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกต้นทุนจริงและสภาพคล่องของสินทรัพย์ หาก Spread แคบพร้อมกับ Bid Size สูง แสดงว่าสินทรัพย์นั้นมีสภาพคล่องดีและแรงซื้อเข้มแข็ง นักลงทุนสามารถเข้าออกตลาดด้วยต้นทุนต่ำและมีโอกาสทำกำไรสูง แต่หาก Spread ขยายตัวพร้อม Ask Size สูง แสดงว่าตลาดมีแรงขายมาก และราคามีแนวโน้มผันผวน เทคนิคนี้ช่วยให้วางคำสั่งซื้อขายได้รัดกุมและลดความเสี่ยงจากความผันผวน


สังเกตราคาที่ปรับตัวเร็วแบบเรียลไทม์


การเฝ้าสังเกตราคา Bid และ Ask ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วสามารถบ่งบอกแรงซื้อแรงขายฉับพลันในตลาด หาก Bid เพิ่มขึ้นเร็ว แต่ Ask ไม่ขยับตาม แสดงว่าผู้ซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคามีโอกาสขึ้นสูง เทคนิคนี้ช่วยให้จับจังหวะการเข้าออกตลาดได้ทันเวลาและลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาแบบเฉียบพลัน


รวมข้อมูล Volume กับ Bid-Ask Analysis


การใช้ปริมาณการซื้อขายร่วมกับ Bid-Ask Imbalance ช่วยให้นักลงทุนเห็นความแข็งแรงของตลาดชัดเจนยิ่งขึ้น หาก Volume สูงพร้อม Bid Size สูง แสดงว่าแรงซื้อมีความเข้มแข็งมาก ราคามีโอกาสขึ้นต่อเนื่อง แต่ถ้าVolume สูงพร้อม Ask Size สูง แปลว่ามีแรงขายมากและราคาสามารถปรับตัวลดได้ การรวมข้อมูลทั้งสองอย่างช่วยให้วิเคราะห์ตลาดทั้งเชิงปริมาณและเชิงราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เทคนิคใช้ Bid Ask - EBC


ข้อควรระวังเกี่ยวกับ Bid Ask ที่นักลงทุนต้องรู้


แม้ Bid Ask คือกลไกสำคัญที่ช่วยให้ตลาดทำงานราบรื่นก็จริง แต่ระบบดังกล่าวก็มีความเสี่ยงหลายอย่างที่สามารถทำให้แผลหรือกลยุทธ์การลงทุนของเราไม่เป็นไปตามที่วางเอาไว้ได้ ต่อไปนี้จึงเป็นข้อควรระวังเกี่ยวกับ Bid Ask ที่คุณควรรู้ติดตัวไว้


  • Spread กว้าง = ต้นทุนสูง
    หากตลาดมีสภาพคล่องต่ำหรือช่วงเวลาที่ผันผวน Spread จะกว้างขึ้น การซื้อขายสินทรัพย์ในช่วงนี้อาจต้องจ่ายราคาสูงกว่าหรือขายต่ำกว่าที่คาด ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นและผลตอบแทนลดลง นักลงทุนควรเลือกจังหวะที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุน


  • ความล่าช้าของราคา (Price Lag)
    ในแพลตฟอร์มเทรดออนไลน์ Bid และ Ask อาจไม่อัปเดตทันทีเมื่อมีคำสั่งจำนวนมาก การไม่สังเกตความล่าช้านี้อาจทำให้คำสั่งซื้อหรือขายถูกจับคู่ในราคาที่ไม่เหมาะสม นักลงทุนควรตรวจสอบราคาซื้อขายก่อนวางคำสั่งเสมอ


  • ความผันผวนสูงในช่วงข่าวสำคัญ
    ข่าวเศรษฐกิจ การประกาศตัวเลขสำคัญ หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินสามารถทำให้ Bid และ Ask ปรับตัวสูงหรือต่ำทันที Spread ขยายตัวอย่างรวดเร็ว การติดตามข่าวสารพร้อมกับการสังเกต Bid-Ask จะช่วยให้ตัดสินใจซื้อขายได้รัดกุม


  • คำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่ (Large Order Impact)
    คำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่สามารถทำให้ Bid หรือ Ask ปรับตัวทันที ส่งผลต่อราคาตลาดและ Spread นักลงทุนต้องระวังการวางคำสั่งใหญ่ในช่วงสภาพคล่องต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงราคาที่ไม่คุ้มค่า


  • หลีกเลี่ยงการตีความ Bid-Ask เพียงอย่างเดียว
    แม้ Bid และ Ask เป็นตัวชี้วัดสำคัญ แต่ไม่ควรใช้เพียงอย่างเดียว นักลงทุนควรรวมข้อมูล Volume และเทคนิควิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อประเมินสภาพตลาดอย่างรอบด้าน


ข้อควรระวังเกี่ยวกับ Bid Ask - EBC


คำถามที่พบบ่อย (FAQs)


Q: Bid Ask คืออะไรและใช้ทำอะไร?

A: Bid คือราคาที่ผู้ซื้อพร้อมจ่าย Ask คือราคาที่ผู้ขายพร้อมรับ ส่วนความแตกต่างระหว่างสองราคานี้เรียกว่า Spread ใช้บ่งบอกสภาพคล่องและต้นทุนในการเทรด


Q: ทำไม Spread ถึงสำคัญ?

A: Spread บ่งบอกต้นทุนในการเทรด หาก Spread กว้าง แปลว่าต้นทุนสูง นักลงทุนควรเลือกเวลาซื้อขายในช่วงสภาพคล่องสูงเพื่อลดต้นทุน


Q: นักลงทุนทั่วไปจำเป็นต้องรู้ Bid Ask หรือไม่?

A: จำเป็น เพราะ bid ask แสดงราคาที่แท้จริงของสินทรัพย์ การเข้าใจ bid ask ช่วยให้วางแผนการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สรุป


Bid Ask คือ กลไกราคาที่สะท้อนความจริงของการซื้อขายในตลาดการเงิน โดย Bid คือราคาที่ผู้ซื้อต้องการซื้อ ส่วน Ask คือราคาที่ผู้ขายพร้อมจะขาย ความแตกต่างระหว่างสองราคานี้ หรือที่เรียกว่า สเปรด (Spread) เป็นต้นทุนแฝงที่นักเทรดทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยังเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสภาพคล่องที่สำคัญของตลาด


หากตลาดมีสภาพคล่องสูง เช่น คู่เงินหลักใน Forex หรือหุ้นบลูชิพในตลาดใหญ่ สเปรดมักจะแคบ ทำให้ต้นทุนการซื้อขายต่ำและการเข้าซื้อขายรวดเร็ว ตรงกันข้าม หากเป็นสินทรัพย์ที่มีการซื้อขายน้อยหรืออยู่ในช่วงผันผวนสูง สเปรดจะกว้างขึ้น ส่งผลให้การเข้าซื้อขายมีความเสี่ยงและต้นทุนสูงกว่าปกติ ซึ่งนักลงทุนต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ


ดังนั้น การเข้าใจ Bid Ask ไม่ใช่แค่การรู้ว่าราคาไหนคือซื้อหรือขาย แต่เป็นการตีความสัญญาณของตลาด เพื่ออ่านแรงซื้อแรงขาย ตัดสินใจเข้าหรือออกอย่างมีเหตุผล และเลือกช่วงเวลาที่ต้นทุนเหมาะสมที่สุด สำหรับนักลงทุนมือใหม่ นี่คือพื้นฐานที่ต้องเรียนรู้ ส่วนสำหรับนักลงทุนมืออาชีพ การใช้ Bid Ask วิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ คือกุญแจสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ที่เหนือกว่าในตลาดการเงิน


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ


บทความแนะนำ
สภาพคล่องการเทรด คืออะไร? ความหมาย ประเภท และตัวอย่าง
Bid Ask Spread คืออะไร? ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้
Paper Trading คืออะไร? เรียนรู้วิธีเทรดโดยไม่เสี่ยง
สลิปเพจ (Slippage) คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์ควรรู้จักและใส่ใจ
10 เคล็ดลับเทรดรายวันอย่างไรให้มีกำไรมั่นคง