Stock Option คืออะไร? ทำความเข้าใจเข้าใจ Call และ Put Option

Stock Option เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่นักลงทุน เพราะช่วยให้สามารถซื้อหรือขายหุ้นในราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้เลเวอเรจได้ และเปิดโอกาสในการใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ในการลงทุน

ถึงแม้ว่าในตอนแรกการใช้ Stock Option อาจดูยุ่งยาก แต่เมื่อเข้าใจหลักการแล้ว เครื่องมือนี้จะกลายเป็นอาวุธสำคัญในการจัดการความเสี่ยง สร้างรายได้หรือแม้แต่เก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของ Stock Option

ขั้นตอนแรกในการใช้ Stock Option คือการทำความเข้าใจพื้นฐาน โดยทั่วไปแล้ว Stock Option คือสัญญาทางการเงินที่ให้สิทธิแก่ผู้ซื้อในการซื้อหรือขายหุ้นในราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยไม่จำเป็นต้องทำการซื้อขายจริง ๆ Option เป็นสัญญาอนุพันธ์ ซึ่งหมายความว่ามูลค่าของมันขึ้นอยู่กับราคาของสินทรัพย์พื้นฐาน ซึ่งในที่นี้คือหุ้น

Stock Option แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักคือ Call Option ซึ่งให้สิทธิในการซื้อหุ้น และ Put Option ซึ่งให้สิทธิในการขายหุ้น โดยสัญญา Option แต่ละฉบับจะเทียบเท่ากับหุ้น 100 หุ้น และผู้ซื้อจะต้องจ่ายเบี้ยประกันเพื่อซื้อสิทธิในการใช้ Option นั้น

Option สามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ต่าง ๆ เช่น Chicago Board Options Exchange (CBOE) และสามารถใช้กับหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายตัว นักลงทุนสามารถเลือกซื้อหรือขาย Option ตามทิศทางของตลาดและระดับความเสี่ยงที่ตนพร้อมรับได้

องค์ประกอบของสัญญา Option

เพื่อให้เข้าใจการทำงานของ Stock Option อย่างแท้จริง เราจำเป็นต้องรู้จักกับส่วนประกอบสำคัญในสัญญา Option ซึ่งประกอบไปด้วยราคาใช้สิทธิ (Strike Price), วันที่หมดอายุ, ค่าพรีเมียม (Premium), และหุ้นที่เป็นสินทรัพย์พื้นฐาน

ราคาใช้สิทธิ คือราคาที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าซึ่งผู้ถือ Option สามารถใช้ในการซื้อหรือขายหุ้นได้ สำหรับ Call Option นั้นราคาใช้สิทธิคือราคาที่ผู้ซื้อสามารถซื้อหุ้นได้ ส่วนใน Put Option คือราคาที่ผู้ซื้อสามารถขายหุ้นได้

วันที่หมดอายุ คือวันสุดท้ายที่ผู้ถือ Option สามารถใช้สิทธิได้ หลังจากวันนั้น Option จะหมดอายุและไม่สามารถใช้ได้อีก โดย Option ส่วนใหญ่จะมีวันหมดอายุแตกต่างกันไป ตั้งแต่ไม่กี่วันจนถึงหลายเดือน หรือแม้แต่หลายปีในกรณีของ LEAPS (Long-term Equity Anticipation Securities)

ค่าพรีเมียม คือจำนวนเงินที่ผู้ซื้อจ่ายให้กับผู้ขาย Option เพื่อซื้อสิทธิในการใช้สัญญา โดยค่าพรีเมียมนี้จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ราคาหุ้นปัจจุบัน ราคาใช้สิทธิ เวลาจนถึงวันที่หมดอายุ และความผันผวนของหุ้นที่เป็นสินทรัพย์พื้นฐาน

หุ้นที่เป็นสินทรัพย์พื้นฐาน คือหุ้นที่ Option นั้นอ้างอิงถึง การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นนี้จะมีผลโดยตรงต่อมูลค่าของสัญญา Option

Call Option: สิทธิในการซื้อ

Call option คือสัญญาที่ให้สิทธิผู้ซื้อในการซื้อหุ้นในราคาที่กำหนดล่วงหน้า ซึ่งเรียกว่าราคาใช้สิทธิ ก่อนวันที่หมดอายุ นักลงทุนมักจะเลือกซื้อ Call Option เมื่อคาดหวังว่าราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อ Call Option สำหรับหุ้น A โดยมีราคาใช้สิทธิที่ 50 ดอลลาร์ และวันหมดอายุอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หากราคาหุ้นในตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 60 ดอลลาร์ก่อนวันที่หมดอายุ คุณสามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นในราคา 50 ดอลลาร์ และทำกำไรจากการขายที่ราคาตลาด60ดอลลาร์

แต่หากราคาหุ้นไม่เพิ่มขึ้นเกินกว่า 50 ดอลลาร์ก่อนที่ Option จะหมดอายุ Option นี้จะไม่มีค่า และคุณจะเสียแค่ค่าพรีเมียมที่จ่ายไปในการซื้อ Option เท่านั้น ซึ่งการขาดทุนที่จำกัดแบบนี้เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ Call Option น่าสนใจ โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรในตลาดโดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงที่สูงเกินไป

Put Option: สิทธิในการขาย

Put option คือสัญญาที่ให้สิทธิแก่ผู้ซื้อในการขายหุ้นในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (ราคาใช้สิทธิ) ก่อนวันที่หมดอายุ นักลงทุนมักใช้ Put option เมื่อคาดว่าราคาหุ้นจะลดลง

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อ Put option สำหรับหุ้น B ที่ราคาใช้สิทธิ 40 ดอลลาร์ และราคาหุ้นลดลงเหลือ 30 ดอลลาร์ก่อนหมดอายุ คุณสามารถใช้สิทธิขายหุ้นในราคา 40 ดอลลาร์ แม้ว่าหุ้นในตลาดจะราคาต่ำกว่านั้น การใช้กลยุทธ์นี้ช่วยให้คุณทำกำไรจากการที่ราคาหุ้นตกลง

Put option ยังมักใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยง เช่น หากคุณถือหุ้นและกังวลว่าราคาหุ้นจะลดลงในระยะสั้น คุณสามารถซื้อ Put option เพื่อปกป้องความเสียหาย หากราคาหุ้นตกจริง ๆ กำไรจากการใช้ Put option จะช่วยชดเชยการขาดทุนจากหุ้นที่คุณถืออยู่ ทำให้คุณจัดการกับความเสี่ยงขาลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสร้างกำไรจาก Stock Option

การสร้างกำไรจาก Stock Option สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับประเภทของ Option และกลยุทธ์ที่นักเทรดเลือกใช้ สำหรับ Call Option นักเทรดจะได้กำไรเมื่อราคาหุ้นสูงกว่าราคาใช้สิทธิ มากกว่าค่าพรีเมียมที่จ่ายไป ซึ่งทำให้สามารถซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด หรือสามารถขายสัญญา Option เพื่อทำกำไรในตลาด

สำหรับ Put Option กำไรจะเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นลดลงต่ำกว่าราคาราคาใช้สิทธิ มากกว่าค่าพรีเมียม นักเทรดสามารถใช้สิทธิในการขายหุ้นในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด หรือขาย Put Option เพื่อทำกำไรจากการลดลงของราคาหุ้น

อีกวิธีหนึ่งที่นิยมทำกำไรจาก Option คือการขายสัญญา Option ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มักใช้โดยนักเทรดที่มีประสบการณ์ โดยผู้ขายหรือผู้เขียน Option จะได้รับค่าพรีเมียมล่วงหน้า หาก Option หมดอายุและไม่มีมูลค่า ผู้ขายจะเก็บค่าพรีเมียมเป็นกำไร แต่กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงสูง หากราคาหุ้นขยับไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับตำแหน่งที่ถืออยู่

กลยุทธ์การเทรด Option ขั้นสูง

แม้ว่าการเทรด Call และ Put Option แบบพื้นฐานจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่เมื่อนักเทรดต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไร พวกเขาก็มักใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น กลยุทธ์เหล่านี้สามารถช่วยให้การบริหารความเสี่ยงและโอกาสในการทำกำไรเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น เช่น Covered Calls, Protective Puts, Spreads และ Straddles

• Covered Call: กลยุทธ์นี้คือนักลงทุนถือหุ้นอยู่แล้วและขาย Call Option บนหุ้นนั้น ๆ โดยการขาย Call Option นี้จะช่วยสร้างรายได้จากค่าพรีเมียมที่ได้รับ แต่ก็ต้องแลกกับการจำกัดกำไรหากราคาหุ้นขึ้นไปเกินกว่าราคาใช้สิทธิที่กำหนด

• Protective Put: กลยุทธ์นี้คือการซื้อ Put Option สำหรับหุ้นที่นักลงทุนถืออยู่ การใช้กลยุทธ์นี้จะช่วยปกป้องการขาดทุนจากการที่ราคาหุ้นตกลงไป ซึ่งเหมือนกับการทำประกันให้กับหุ้นที่ถืออยู่

• Spread: ในกลยุทธ์นี้นักเทรดจะซื้อและขาย Option ที่มีราคาใช้สิทธืหรือวันหมดอายุที่แตกต่างกันเพื่อจำกัดความเสี่ยงและการขาดทุน แม้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่มีความซับซ้อน แต่ช่วยให้สามารถควบคุมความเสี่ยงและตั้งเป้าหมายการทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• Straddle: กลยุทธ์นี้คือนักเทรดซื้อทั้ง Call และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน การทำกำไรจากกลยุทธ์นี้จะมาจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างมาก ซึ่งมักใช้ก่อนเหตุการณ์สำคัญ เช่น การรายงานผลประกอบการหรือข่าวสำคัญที่จะทำให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวแรง

สรุป

Stock Option คือเครื่องมือทางการเงินที่มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถนำไปใช้ได้หลายวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไร การสร้างรายได้ หรือการจัดการความเสี่ยง การเข้าใจวิธีการทำงานของ Option อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในส่วนของ Call, Put, ราคาใช้สิทธิ, วันที่หมดอายุ และค่าพรีเมียมจะช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แม้ว่า Stock Option จะมีโอกาสทำกำไรสูง แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ความเสี่ยงในการขาดทุนก็มีไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้น การศึกษาหาความรู้ การวางกลยุทธ์ที่ดี และการมีระเบียบวินัยในการเทรดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการใช้เครื่องมือนี้

คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ