เจาะลึกทิศทาง "ตลาดหุ้น" โลกปี 2026: จากปีแห่งการปรับฐาน สู่โอกาสทองในรอบวัฏจักรใหม่
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

เจาะลึกทิศทาง "ตลาดหุ้น" โลกปี 2026: จากปีแห่งการปรับฐาน สู่โอกาสทองในรอบวัฏจักรใหม่

เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-18

Business Infographics Hologram.jpeg

หากเปรียบการลงทุนเหมือนการเดินเรือ ปี 2025 ที่ผ่านมาคงเป็นปีที่เราต้องเผชิญกับคลื่นลมแรงจนหลายคนเริ่มถอดใจ แต่ข่าวดีคือ "ฟ้าหลังฝน" ย่อมสดใสเสมอ


ในปี 2026 ภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนกำลังจะเปลี่ยนไป วันนี้เราจะพามาวิเคราะห์เจาะลึกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงที่ผ่านมา และทำไมปีหน้าถึงเป็นจังหวะสำคัญที่คุณไม่ควรพลาดในการกลับมาสะสมความมั่งคั่งใน ตลาดหุ้น อีกครั้ง


ย้อนรอยปี 2025: บทเรียนจากความผันผวน สู่จุดต่ำสุดที่ผ่านพ้น

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 นักลงทุนทั่วโลกต่างเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากนโยบายกำแพงภาษี (Tariff) ของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ ที่ตั้งกำแพงภาษีสูงกว่า 30% กับสินค้าจากจีนและเอเชีย

เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ ตลาดหุ้น ทั่วโลกปรับฐานแรงถึง -10% ถึง -20% สร้างความกังวลเรื่องสงครามการค้า แต่ในวิกฤตย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ เพราะสิ่งที่ตลาดกลัวอย่าง "เงินเฟ้อรุนแรง" กลับไม่ได้เกิดขึ้นจริง ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สามารถผ่อนคลายนโยบายทางการเงินได้เร็วกว่าที่คาด


Expert Insight: มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ

การปรับฐานของตลาดหุ้นในปี 2025 แม้จะสร้างความเจ็บปวดในระยะสั้น แต่ในมุมมองของนักลงทุนสถาบัน นี่คือ 'Healthy Correction' หรือการปรับฐานเพื่อไปต่อ การที่ตลาดได้ระบายแรงเก็งกำไรและ Reset มูลค่า (Valuation) ลงมาอยู่ในจุดที่สมเหตุสมผล คือรากฐานสำคัญที่จะทำให้ตลาดหุ้นโลกกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแรงและมีเสถียรภาพในปี 2026


ปี 2026: สัญญาณฟื้นตัวชัดเจน เมื่อภาคการผลิตเริ่มเดินเครื่อง

เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2026 เราเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ข้อมูลเศรษฐกิจชี้ชัดว่าโลกกำลังเปลี่ยนโหมดจาก "ประคองตัว" เป็น "ฟื้นตัว" โดยมีสัญญาณบวกสำคัญดังนี้:

  • Manufacturing Comeback: ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ (New Orders) ในสหรัฐฯ ยุโรป และจีน ปรับตัวขึ้นพร้อมกัน สะท้อนถึงความต้องการสินค้าที่แท้จริง

  • Real Growth: การฟื้นตัวครั้งนี้ไม่ได้มาจากการอัดฉีดเงินเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการลงทุนเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะในเทคโนโลยี AI และการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)


กลยุทธ์ลงทุน: ทำไม "ตลาดหุ้น สหรัฐ" จีน และอินเดีย ถึงเป็นเดอะแบกของพอร์ต?

Stock Market Chart with American Flag.jpg

ในสภาวะที่ดอกเบี้ยเริ่มเป็นขาลงและความเชื่อมั่นเริ่มกลับมา ตลาดหุ้น ที่มีพื้นฐานแกร่งจะกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง โดยเฉพาะ 3 ตลาดหลักที่ควรมีในพอร์ต:

  1. ตลาดหุ้น สหรัฐ: ยังคงเป็นเบอร์หนึ่งในด้านนวัตกรรม โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีและ AI ที่เป็นตัวขับเคลื่อนกำไรบริษัทจดทะเบียนในระยะยาว

  2. จีน และ อินเดีย: ตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง และ Valuation เริ่มกลับมาน่าสนใจหลังจากการปรับฐาน

อย่างไรก็ตาม ในยุค Multipolar World ที่เศรษฐกิจโลกมีความซับซ้อน การพยายาม "เก็งกำไรรายประเทศ" อาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด เพราะความผันผวนยังคงมีอยู่


บทสรุป: เปลี่ยนความผันผวนให้เป็นโอกาสกับเรา

ปี 2026 คือปีแห่งความชัดเจนที่ตลาดจะกลับมาให้รางวัลกับนักลงทุนที่มองภาพใหญ่และมีวินัย อย่าปล่อยให้โอกาสในช่วงต้นวัฏจักรเศรษฐกิจรอบใหม่หลุดลอยไป


บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน บทความนี้สะท้อนมุมมองของ EBC Financial Group และหน่วยงานทั่วโลกของบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการเงินหรือการลงทุน การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราแลกเปลี่ยน (FX) มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนเริ่มต้นทั้งหมดหรือมากกว่า โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินก่อนตัดสินใจลงทุน EBC Financial Group และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดจากการอ้างอิงข้อมูลนี้

บทความแนะนำ
ตลาดหุ้นยุโรป: จุดหมายใหม่ของกระแสเงินทุนนักลงทุนในปี 2026
แนวโน้มราคาทองคำปี 2568 วิเคราะห์ทิศทางสินทรัพย์ปลอดภัยในยุคเศรษฐกิจผันผวน
การเติบโตและแนวโน้มการลงทุนของตลาดหุ้นอินเดีย
Institutional Trading คืออะไร? คู่มือสำหรับนักเทรด
AUD to PHP พุ่งทะยาน! เจาะลึกปัจจัยหนุนปี 2025