2025-09-29
หุ้น Pepsi เป็นหนึ่งในหุ้นปันผลที่มีประวัติยาวนาน เพราะนอกจากธุรกิจเครื่องดื่มที่รู้จักทั่วโลกแล้ว ยังมีการขยายไปธุรกิตอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายที่สร้างรายได้มั่นคงอีกด้วย บทความนี้จึงจะพาผู้อ่านไปเจาะลึกทั้งประวัติความเป็นมาของหุ้น Pepsi การแข่งขันกับคู่แข่งหลักอย่าง Coca-Cola รวมถึงวิเคราะห์แนวทางในอนาคตด้วย
เมื่อพูดถึง หุ้น Pepsi (Pep) หลายคนมักนึกถึงเพียงเครื่องดื่มอย่างเป๊ปซี่และน้ำอัดลมในเครือ แต่ในความเป็นจริงแล้ว บริษัทนี้คือยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่มีพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่กว้างขวางอย่างไม่น่าเชื่อ โดยรายได้ของบริษัทไม่ได้มาจากเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและขนมขบเคี้ยวที่แข็งแกร่ง ซึ่งแบ่งออกเป็นธุรกิจหลักหลายส่วน ได้แก่
PepsiCo Beverages North America (PBNA): ดูแลผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในตลาดอเมริกาเหนือ เช่น Pepsi, Mountain Dew, Gatorade ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูง
PepsiCo Foods North America (PFNA): ครอบคลุมธุรกิจอาหารและขนมขบเคี้ยวในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนรายได้และกำไรของบริษัท โดยมีแบรนด์ที่รู้จักกันดี เช่น Lay's, Doritos, Cheetos และ Quaker Oats
ธุรกิจในตลาดต่างประเทศ: ประกอบด้วยอีก 3 ส่วนย่อย ได้แก่ Latin America, Europe, และ Africa, Middle East, and South Asia (AMESA) ที่ดูแลการตลาดและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัททั่วโลก
โดยธุรกิจขนมขบเคี้ยวเช่น Lay's, Doritos, Cheetos, และ Quaker Oats ล้วนเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนรายได้และกำไรของบริษัท โดยเฉพาะ Lay's ซึ่งเป็นแบรนด์มันฝรั่งทอดที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก การที่ PepsiCo กระจายความเสี่ยงทางธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์อาหารเหล่านี้ ทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นและสามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจผันผวนได้ดีกว่าบริษัทที่พึ่งพารายได้จากผลิตภัณฑ์เพียงประเภทเดียว
นอกจากนี้ สินค้าในกลุ่มอาหารยังมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงและช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ หุ้น PepsiCo ในระยะยาวอีกด้วย
หุ้น Pepsi และ หุ้น KO (Coca-Cola) ถูกเปรียบเทียบกันมานาน เพราะทั้งสองบริษัทต่างเป็นคู่แข่งโดยตรงในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม แต่มีโครงสร้างธุรกิจและกลยุทธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย PepsiCo มีรายได้จากธุรกิจอาหารและขนมขบเคี้ยวในสัดส่วนที่สูงกว่า ในขณะที่ Coca-Cola เน้นไปที่ธุรกิจเครื่องดื่มเป็นหลัก ซึ่งทำให้การวิเคราะห์และการประเมินมูลค่าหุ้นของทั้งสองบริษัทต้องพิจารณาจากมุมมองที่ต่างกัน
โดยในเชิงโครงสร้างรายได้ PepsiCo มีรายได้ประมาณ 55% จากธุรกิจอาหารและขนมขบเคี้ยว และ 45% จากธุรกิจเครื่องดื่ม ซึ่งการกระจายความเสี่ยงนี้ทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการทำกำไรมากกว่า โดยเฉพาะในช่วงที่ความต้องการเครื่องดื่มอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก
ในทางกลับกัน Coca-Cola มีรายได้เกือบทั้งหมดมาจากธุรกิจเครื่องดื่ม ทำให้รายได้มีความผันผวนตามพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มในแต่ละช่วง อย่างไรก็ตาม Coca-Cola มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับในระดับโลกอย่าง Coca-Cola Classic ทำให้มีความเป็นเอกลักษณ์ที่ใครยากจะเลียนแบบ
หุ้น Pepsi จะเน้นการเข้าซื้อกิจการเพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เช่น การเข้าซื้อกิจการ SodaStream และ Rockstar Energy Drink เพื่อขยายตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและเครื่องดื่มชูกำลัง
ขณะที่ Coca-Cola เน้นการขยายแบรนด์เครื่องดื่มเดิมและสร้างแบรนด์ใหม่ภายใต้เครือข่ายที่มีอยู่เดิม รวมถึงการบริหารจัดการซัพพลายเชนและระบบแฟรนไชส์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้ทั้งสองบริษัทมีจุดเด่นและจุดอ่อนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน นักลงทุนควรพิจารณาความแตกต่างเหล่านี้ในการตัดสินใจว่า หุ้น PepsiCo หรือ หุ้น Coca-Cola จะเหมาะสมกับพอร์ตโฟลิโอของตนเองมากกว่า
หุ้น Pepsi ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นที่นักวิเคราะห์ติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะในปี 2025 บริษัทคาดการณ์การเติบโตของรายได้แบบออร์แกนิก (Organic Revenue) อยู่ในระดับตัวเลขหลักเดียวต่ำ ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน แต่ในภาพรวมพื้นฐานยังแข็งแรง
นอกจากนี้ PepsiCo ให้ความสำคัญกับตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในอนาคตถึง 85% การลงทุนในตลาดนี้ไม่เพียงเน้นการขยายการผลิต แต่ยังรวมถึงการเพิ่มการเข้าถึงตลาดที่ยังไม่ได้รับบริการเต็มที่ ทำให้บริษัทสามารถสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ราคาหุ้น PEP ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 141.23 ดอลลาร์สหรัฐ และนักวิเคราะห์คาดการณ์ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 156.85 ดอลลาร์สหรัฐใน 12 เดือนข้างหน้า แสดงถึงศักยภาพการเติบโตในระยะยาว แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงจากต้นทุนวัตถุดิบ การแข่งขัน และพฤติกรรมผู้บริโภค
ต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งสูงขึ้น : ราคาน้ำตาล, ข้าวโพด, น้ำมันพืช และค่าขนส่งที่ปรับตัวสูง อาจกดดันกำไรของบริษัทในระยะสั้น
ความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค : ผู้บริโภคหันไปเลือกสินค้าสุขภาพ น้ำตาลต่ำ หรือขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพมากขึ้น ส่งผลต่อยอดขายบางผลิตภัณฑ์
การแข่งขันในตลาดโลก : Coca-Cola และผู้ผลิตเครื่องดื่ม/อาหารรายอื่น รวมถึงคู่แข่งท้องถิ่นในตลาดเกิดใหม่ อาจลดส่วนแบ่งตลาดของ Pepsi
ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน : การทำธุรกิจทั่วโลกทำให้รายได้และกำไรได้รับผลกระทบจากค่าเงินต่างประเทศ
กฎระเบียบและภาษีในแต่ละประเทศ : การเปลี่ยนแปลงกฎหมายอาหาร เครื่องดื่ม และภาษีสินค้าอาจเพิ่มต้นทุนและกระทบกำไร
ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก : ภาวะเงินเฟ้อสูง ชะลอตัวของเศรษฐกิจ หรือวิกฤติการเงิน อาจทำให้ผู้บริโภคลดการบริโภคสินค้าอุปโภค
A: หุ้น Pepsi มีประวัติการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอและค่อนข้างมั่นคง โดยมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยประมาณ 2.5-3% ต่อปี
A: เนื่องจากมีความมั่นคงและการเติบโตต่อเนื่อง หุ้น Pepsi เหมาะกับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว แต่ยังสามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้หากติดตามข่าวสารและผลประกอบการ
A: Pepsi มีพอร์ตสินค้าที่หลากหลายกว่า KO ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ทำให้ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดน้ำอัดลมเพียงอย่างเดียว
หุ้น Pepsi ไม่ได้มีจุดแข็งเพียงแค่การเป็นผู้นำในตลาดน้ำอัดลม แต่ยังขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มอาหาร ขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง จนทำให้โครงสร้างรายได้ของบริษัทมีความสมดุลและหลากหลายมากขึ้น ปัจจุบัน Pepsi มีสัดส่วนรายได้จากอาหารและขนมสูงกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ซึ่งช่วยลดการพึ่งพิงธุรกิจน้ำอัดลมแบบดั้งเดิม และยังเป็นจุดที่แตกต่างจาก Coca-Cola อย่างชัดเจน
แม้บริษัทจะเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แต่กลยุทธ์ด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และการเจาะตลาดเกิดใหม่ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในอนาคต ข้อมูลทางการเงินล่าสุดสะท้อนว่ารายได้และกำไรสุทธิยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างสม่ำเสมอ พร้อมด้วยความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดแข็งแกร่ง ซึ่งเอื้อต่อการจ่ายเงินปันผลที่มั่นคง
เมื่อมองไปข้างหน้า หุ้น Pepsi ยังคงมีทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่ต้องติดตามใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดจากคู่แข่งทั่วโลก ความผันผวนของค่าเงิน หรือกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นในบางประเทศ อย่างไรก็ตาม การที่ Pepsi สามารถรักษาสถานะผู้นำในหลายหมวดสินค้า พร้อมกับการลงทุนต่อเนื่องในนวัตกรรมและสุขภาพ อาจทำให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ