简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

ตลาดผันผวน! Margin Call คือเสียงเตือนภัยที่พร้อมจะทำงาน

2025-09-25

Margin Call คือสัญญาณเตือนเชิงกลยุทธ์ที่บ่งบอกว่ามาร์จิ้นที่นักลงทุนหรือเทรดเดอร์กำลังอยู่ในระดับเสี่ยงสูง ทำให้อาจเกิดการถูกล้างพอร์ตโดยไม่รู้ตัวจนขาดทุนอย่างรุนแรงก็เป็นได้ ดังนั้นบทความนี้จะพาไปเปิดข้อมูลว่า Margin Call คืออะไร มีสูตรและวิธีคำนวณอย่างไร เพราะเทคนิคหลีกเลี่ยงการเกิด Margin Call


Margin Call คือสัญญาณเตือนจากโบรกเกอร์ที่ห้ามมองข้าม


Margin Call คือ การแจ้งเตือนรจากโบรกเกอร์หรือสถาบันการเงินว่า Equity ของพอร์ตลงทุนที่ใช้มาร์จิ้นลดต่ำกว่าระดับที่กำหนด (Maintenance Margin) ทำให้ผู้ลงทุนจำเป็นต้องเติมเงินเข้าไป หรือปิดบางตำแหน่งเพื่อรักษามาตรฐานของสัญญา หากไม่ดำเนินการ โบรกเกอร์สามารถปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันขาดทุนเกินขนาด


ในเชิงเทคนิค Margin Call เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่าง Equity ของพอร์ต, Used Margin และ Maintenance Margin โดย Equity คือมูลค่าพอร์ตรวมลบด้วยหนี้สินหรือมาร์จิ้นที่ใช้, Used Margin คือเงินทุนที่ถูกล็อกเพื่อเปิดตำแหน่ง, และ Maintenance Margin คือระดับขั้นต่ำที่โบรกเกอร์กำหนดให้รักษาไว้


  • Equity หมายถึง มูลค่าพอร์ตทั้งหมดลบด้วยหนี้สินหรือมาร์จิ้นที่ใช้

  • Used Margin คือจำนวนเงินที่ถูกใช้เพื่อเปิดตำแหน่ง

  • Maintenance Margin คือระดับมาร์จิ้นขั้นต่ำที่โบรกเกอร์กำหนดให้ผู้ลงทุนรักษาไว้


วิธีการคำนวณ Margin Call สูตรและตัวเลขสำคัญที่ต้องรู้


การคำนวณ margin call เป็นหัวใจสำคัญสำหรับการจัดการความเสี่ยง ด้วยการเข้าใจตัวเลขเบื้องต้น นักลงทุนสามารถเตรียมรับมือและวางกลยุทธ์ได้ล่วงหน้า ซึ่งโดยทั่วไปสูตรพื้นฐานสำหรับคำนวณ margin call มีดังนี้


  • Equity / Used Margin × 100% = Margin Level

  • หาก Margin Level ลดลงต่ำกว่า Maintenance Margin ที่กำหนด โบรกเกอร์จะส่งคำเตือน margin call


ยกตัวอย่างเช่น หาก Margin Level ลดลงต่ำกว่า Maintenance Margin โบรกเกอร์จะส่งคำเตือน Margin Call โดยทันที ตัวอย่างเช่น นักลงทุนมีพอร์ต 100,000 บาท ใช้มาร์จิ้น 50,000 บาท และ Maintenance Margin 30% หาก Equity ลดเหลือ 15,000 บาท Margin Level จะเท่ากับ 30% ซึ่งจะถูกแจ้งเตือนทันที 


นอกจากนี้โบรกเกอร์อาจมีระดับ Stop-Out ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดที่ระบบจะปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติหากผู้ลงทุนไม่ตอบสนอง ทำให้นักลงทุนต้องเฝ้าติดตามสถานะพอร์ตและวางกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด


Margin Call - EBC


วิธีหลีกเลี่ยงการเกิด Margin Call กลยุทธ์เชิงรุกป้องกันขาดทุน


การวางกลยุทธ์เพื่อหลีกเลี่ยง margin call จึงไม่ใช่เพียงเรื่องการบริหารเงิน แต่เป็นการบริหารความเสี่ยงเชิงระบบที่ครอบคลุม ตั้งแต่การตั้งขนาดตำแหน่ง การจัดสรรสินทรัพย์ การตั้ง Stop Loss ไปจนถึงการตรวจสอบพอร์ตแบบเรียลไทม์


1. รักษาอัตราส่วนมาร์จิ้นให้สูงกว่า Minimum Requirement


การรักษา Margin Level ให้สูงกว่าที่โบรกเกอร์กำหนด จะช่วยลดความเสี่ยงจาก margin call เพราะการใช้มาร์จิ้นต่ำกว่าขีดจำกัดที่อนุญาตจะช่วยให้มี Free Margin เหลือพอสำหรับรองรับความผันผวนของตลาด โดยเฉพาะช่วงราคาหุ้นหรือฟอเร็กซ์แกว่งตัวแรง


ตัวอย่างเช่น หากโบรกเกอร์กำหนด Maintenance Margin 30% การรักษา Margin Level ไว้ที่ 50–60% จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเปิดตำแหน่งใหม่หรือรอให้ตลาดฟื้นตัวโดยไม่ถูกบังคับปิดตำแหน่งโดยโบรกเกอร์ การตรวจสอบและปรับพอร์ตอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งจำเป็น


2. ตั้ง Stop Loss และ Take Profit อย่างเหมาะสม


การตั้งคำสั่ง Stop Loss ช่วยจำกัดขาดทุนเมื่อราคาสินทรัพย์เคลื่อนไหวผิดทาง ช่วยป้องกันไม่ให้ Equity ลดต่ำจนเกิด margin call ขณะที่คำสั่ง Take Profit จะช่วยล็อกกำไรเมื่อราคาตรงตามเป้าหมาย การวางคำสั่งล่วงหน้าเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนควบคุมความเสี่ยงและวางกลยุทธ์ได้อย่างเป็นระบบ


การตั้ง Stop Loss และ Take Profit ต้องพิจารณาตามความผันผวนของตลาด ตัวอย่างเช่น หากตลาดมีความผันผวนสูง การตั้ง Stop Loss ใกล้เกินไปอาจถูกตัดออกโดยตลาดที่แกว่งตัวชั่วคราว นักลงทุนจึงควรประเมิน Volatility และปรับจุดตัดขาดทุนให้เหมาะสมเพื่อให้การป้องกัน margin call มีประสิทธิภาพ


3. ติดตามและอัปเดตสถานะพอร์ตอย่างต่อเนื่อง


การตรวจสอบ Equity, Used Margin, และ Margin Level อย่างสม่ำเสมอช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพความเสี่ยงแบบเรียลไทม์ การติดตามพอร์ตช่วยให้นักลงทุนสามารถเติมเงินเข้าไปหรือปรับตำแหน่งก่อนเกิด margin call แทนที่จะรอให้โบรกเกอร์ปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติ


ในเชิงเทคนิค นักลงทุนสามารถใช้เครื่องมือการแจ้งเตือนจากแพลตฟอร์ม เช่น การตั้ง Alarm เมื่อ Margin Level ต่ำกว่า 40–50% การตอบสนองทันเวลาจะช่วยลดโอกาสขาดทุนหนัก และสร้างความมั่นใจว่า Equity จะไม่ลดต่ำกว่า Maintenance Margin


4. กระจายความเสี่ยงของสินทรัพย์ (Diversification)


การลงทุนในหลายสินทรัพย์หรือหลายตลาดช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดใดตลาดหนึ่ง การกระจายสินทรัพย์จะช่วยลดโอกาสที่ Equity จะลดต่ำกว่า Maintenance Margin ในพอร์ตเดียว โดยเฉพาะในช่วงตลาดผันผวนสูงหรือเหตุการณ์เศรษฐกิจไม่แน่นอน


นักลงทุนสามารถแบ่งพอร์ตเป็นหุ้นหลายกลุ่ม, ฟิวเจอร์สหลายสินค้า, หรือสินทรัพย์หลายประเภท เช่น หุ้น, พันธบัตร, สินค้าโภคภัณฑ์ การกระจายความเสี่ยงนี้จะทำให้ผลกระทบจากความผันผวนของสินทรัพย์แต่ละตัวไม่กระทบพอร์ตทั้งหมด และลดโอกาสเกิด margin call


5. ลดขนาดตำแหน่งเมื่อความผันผวนสูง


เมื่อความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้น การลดขนาดตำแหน่งหรือ Leverage จะช่วยป้องกัน Margin Call ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเปิดตำแหน่งใหญ่ในช่วงที่ราคาสินทรัพย์แกว่งแรงจะเพิ่มความเสี่ยงที่ Margin Level จะลดต่ำกว่า Maintenance Margin


ตัวอย่างเช่น หากตลาดฟอเร็กซ์มีความผันผวนสูง นักลงทุนอาจลด Leverage จาก 1:50 เหลือ 1:20 เพื่อลดความเสี่ยงในการถูก Margin Call การปรับขนาดตำแหน่งตามความผันผวนจึงเป็นการบริหารความเสี่ยงเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพสูง


6. จัดทำแผนเงินทุนสำรอง (Contingency Plan)


การมีเงินทุนสำรองสำหรับเติมมาร์จิ้นเป็นอีกวิธีป้องกัน Margin Call ที่สำคัญ นักลงทุนควรวางแผนเงินฉุกเฉินไว้ในบัญชีเพื่อใช้เพิ่ม Equity เมื่อ Margin Level ลดต่ำกว่าระดับที่ปลอดภัย แผนเงินทุนสำรองนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถตอบสนอง Margin Call ได้ทันเวลาและลดโอกาสถูกปิดตำแหน่งโดยโบรกเกอร์โดยอัตโนมัติ การมีแผนสำรองช่วยสร้างความมั่นใจและเพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุนในตลาดที่มีความผันผวนสูง


Margin Call เลี่ยงยังไง - EBC


คำถามที่พบบ่อย (FAQs)


Q: Margin Call คือสัญญาณอะไร?

A1: เป็นสัญญาณเตือนจากโบรกเกอร์ว่าพอร์ตของนักลงทุนมี Equity ต่ำกว่าระดับที่กำหนด และต้องเพิ่มเงินทุนหรือปรับตำแหน่ง


Q: การไม่ตอบสนอง Margin Call จะเกิดอะไรขึ้น?

A: โบรกเกอร์อาจปิดตำแหน่งของนักลงทุนโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะล็อกขาดทุนทันที


Q: วิธีลดความเสี่ยง Margin Call มีอะไรบ้าง?

A: รักษาอัตราส่วนมาร์จิ้นให้สูง, ตั้ง Stop Loss, ตรวจสอบพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ และลดขนาดตำแหน่งในช่วงตลาดผันผวน


สรุป


Margin Call คือ เครื่องมือเตือนความเสี่ยงที่สำคัญในตลาดการเงิน โดยเกิดขึ้นเมื่อ Equity ของพอร์ตลดต่ำกว่าระดับ Maintenance Margin โบรกเกอร์จะส่งคำเตือนให้นักลงทุนเติมเงินหรือปรับตำแหน่งเพื่อรักษามาตรฐานสัญญา หากไม่ดำเนินการ โบรกเกอร์สามารถปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติ ทำให้เกิดขาดทุนทันที 


ในเชิงตัวเลข ข้อมูลทั่วไปพบว่า นักลงทุนที่ใช้ Leverage สูงกว่า 50% มีโอกาสเกิด margin call สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงตลาดฟอเร็กซ์ หุ้นฟิวเจอร์ส หรือสินทรัพย์ CFD ที่มีความผันผวนสูง Margin Level ที่ลดต่ำกว่า 30–40% เป็นจุดเสี่ยงที่มักถูกแจ้งเตือน margin call การติดตามและคำนวณ Margin Level อย่างสม่ำเสมอช่วยให้เห็นภาพความเสี่ยงและวางแผนรับมือได้ล่วงหน้า


ในเชิงตัวเลข ข้อมูลทั่วไปพบว่า นักลงทุนที่ใช้ Leverage สูงกว่า 50% มีโอกาสเกิด margin call สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงตลาดฟอเร็กซ์ หุ้นฟิวเจอร์ส หรือสินทรัพย์ CFD ที่มีความผันผวนสูง Margin Level ที่ลดต่ำกว่า 30–40% เป็นจุดเสี่ยงที่มักถูกแจ้งเตือน margin call การติดตามและคำนวณ Margin Level อย่างสม่ำเสมอช่วยให้เห็นภาพความเสี่ยงและวางแผนรับมือได้ล่วงหน้า


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
Margin Call คืออะไร? ทำไมจึงเสี่ยงต่อพอร์ตลงทุน
Long shot คืออะไร เคล็ดลับทำกำไรยามตลาด Forex ผันผวน
เทรดทองไม่ให้พอร์ตแตก! 5 วิธีจัดการความเสี่ยง
XBRUSD น่าลงทุนไหมในปี 2025? วิเคราะห์แนวโน้มตลาดน้ำมัน
จัดการ 5 ความเสี่ยงในการเทรดออปชันสินค้าโภคภัณฑ์