10 ตัวบ่งชี้การซื้อขายที่เชื่อถือได้มากที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นในปี 2025

2025-09-04

หากคุณยังใหม่กับการเทรดในปี 2025 ความท้าทายแรกๆ ที่คุณต้องเผชิญคือการทำความเข้าใจว่าอินดิเคเตอร์การเทรดตัวไหนที่ใช้งานได้จริง ด้วยอินดิเคเตอร์มากมายบนแพลตฟอร์มอย่าง MetaTrader 4 (MT4), MetaTrader 5 (MT5) และ TradingView ผู้เริ่มต้นมักจะรู้สึกสับสน บางคนเชื่อมั่นในอินดิเคเตอร์ที่อิงโมเมนตัมหรือปริมาณการเทรด แต่อินดิเคเตอร์ตัวไหนที่น่าเชื่อถืออย่างแท้จริง?


คำตอบคือไม่มีตัวบ่งชี้ "จอกศักดิ์สิทธิ์" ตัวใดตัวหนึ่ง เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักจะใช้ตัวบ่งชี้หลายตัวร่วมกันเพื่อยืนยันแนวโน้มราคา ระบุจุดเข้าและจุดออก และบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ


ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดูตัวบ่งชี้การซื้อขายที่เชื่อถือได้มากที่สุด 10 อันสำหรับผู้เริ่มต้นในปี 2568 อธิบายวิธีการทำงาน และแสดงให้เห็นว่าเหตุใดตัวบ่งชี้เหล่านี้จึงยังคงมีความเกี่ยวข้องในตลาดยุคใหม่


ตัวบ่งชี้การซื้อขาย 10 อันดับแรกสำหรับผู้เริ่มต้นคืออะไร?

Moving Averages

1. ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA)

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้การซื้อขายที่ง่ายและน่าเชื่อถือที่สุด ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะปรับข้อมูลราคาในช่วงเวลาที่เลือกให้เรียบ เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุทิศทางทั่วไปของแนวโน้มได้


วิธีการทำงาน

  • ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) คำนวณราคาเฉลี่ยในช่วงระยะเวลาที่กำหนดจำนวนหนึ่ง

  • ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเลขชี้กำลัง (EMA) ให้ความสำคัญกับราคาล่าสุดมากกว่า ทำให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ดีกว่า


ทำไมจึงเชื่อถือได้สำหรับผู้เริ่มต้น

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ช่วยให้ผู้เริ่มต้นสามารถระบุได้อย่างรวดเร็วว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แนวโน้มขาลง หรือตลาดอยู่ในช่วงราคา นอกจากนี้ยังใช้เป็นระดับแนวรับและแนวต้านแบบไดนามิกอีกด้วย


ตัวอย่าง

หากเส้น EMA 50 วันตัดผ่านเส้น EMA 200 วันขึ้นไป เรียกว่า Golden Cross ซึ่งเป็นสัญญาณขาขึ้น


2. ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI)

RSI คือโมเมนตัมออสซิลเลเตอร์ที่วัดความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวของราคา มีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100


วิธีการทำงาน

  • ค่า RSI ที่สูงกว่า 70 บ่งชี้ถึงสภาวะซื้อมากเกินไป (ราคาอาจลดลง)

  • ค่า RSI ที่ต่ำกว่า 30 บ่งชี้ถึงสภาวะขายมากเกินไป (ราคาอาจดีดกลับ)


ทำไมจึงเชื่อถือได้สำหรับผู้เริ่มต้น

RSI อ่านง่ายและช่วยให้เทรดเดอร์หลีกเลี่ยงการไล่ตามตลาด RSI ส่งสัญญาณว่าราคาอาจถึงเวลากลับตัวหรือปรับฐาน


ตัวอย่าง

หากค่า RSI ของ EUR/USD อยู่ที่ 82 แสดงว่าคู่เงินนี้อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป และอาจปรับตัวลดลง


3. การแยกตัวของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MACD)

Moving Average Convergence Divergence

MACD รวมค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม ความแข็งแกร่ง และทิศทางของแนวโน้ม


วิธีการทำงาน

  • ใช้ EMA สองอัน (ปกติคือ 12 และ 26) และเส้นสัญญาณ (EMA 9)

  • เมื่อเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้นสัญญาณ จะเป็นสัญญาณบ่งชี้โอกาสในการซื้อ

  • เมื่อข้ามไปด้านล่างแสดงว่าเป็นโอกาสขาย


ทำไมจึงเชื่อถือได้สำหรับผู้เริ่มต้น

MACD นำเสนอการผสมผสานระหว่างการติดตามแนวโน้มและการประเมินโมเมนตัม ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อขายในการระบุการกลับตัวของแนวโน้ม


ตัวอย่าง

บนแผนภูมิ S&P 500 หากฮิสโทแกรม MACD แสดงค่าบวกที่เพิ่มขึ้น แสดงว่ามีแนวโน้มขาขึ้นเพิ่มมากขึ้น


4. บอลลิงเจอร์แบนด์

Bollinger Bands ประกอบด้วยเส้น 3 เส้น คือ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ตรงกลาง และ 2 แถบ (บนและล่าง) ที่พล็อตตามความผันผวน


วิธีการทำงาน

  • เมื่อราคาแตะแถบด้านบน ตลาดจะถือว่าซื้อมากเกินไป

  • เมื่อราคาแตะแถบล่าง ตลาดจะถือว่าขายมากเกินไป

  • แถบแคบแสดงถึงความผันผวนต่ำ แถบกว้างแสดงถึงความผันผวนสูง


ทำไมจึงเชื่อถือได้สำหรับผู้เริ่มต้น

แถบ Bollinger เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการระบุจุด Breakout และการกลับตัว แถบนี้จะแสดงภาพเมื่อตลาดเงียบเกินไปหรือกำลังจะระเบิดจากความผันผวน


ตัวอย่าง

หากราคาทองคำ (XAUUSD) เคลื่อนไหวในแนวราบและแถบแคบลง เทรดเดอร์ก็เตรียมรับมือกับการทะลุราคา


5. การย้อนกลับของฟีโบนัชชี

Fibonacci Retracement

ระดับการย้อนกลับของ Fibonacci คือเส้นแนวนอนที่อิงตามลำดับ Fibonacci ซึ่งใช้เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น


วิธีการทำงาน

ผู้ซื้อขายวิเคราะห์เปอร์เซ็นต์การย้อนกลับ เช่น 38.2%, 50% และ 61.8% เพื่อคาดการณ์การย้อนกลับของแนวโน้ม


ทำไมจึงเชื่อถือได้สำหรับผู้เริ่มต้น

การย้อนกลับของ Fibonacci ช่วยให้จุดเข้าและออกชัดเจน ช่วยให้ผู้เริ่มต้นจัดการการซื้อขายได้โดยไม่ต้องคิดมากเกินไป


ตัวอย่าง

หากราคา Bitcoin พุ่งขึ้นจาก 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 40,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ การย่อตัวลงมาที่ 36,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ (38.2%) อาจเป็นโอกาสในการซื้อ


6. ออสซิลเลเตอร์สุ่ม

Stochastic Oscillator วัดโมเมนตัมโดยการเปรียบเทียบราคาปิดกับช่วงราคาในช่วงเวลาที่กำหนด


วิธีการทำงาน

  • ค่าที่สูงกว่า 80 = ซื้อมากเกินไป

  • ค่าต่ำกว่า 20 = ขายมากเกินไป


ทำไมจึงเชื่อถือได้สำหรับผู้เริ่มต้น

มีประโยชน์ในการสังเกตการกลับตัวในระยะสั้นและทำงานได้ดีเมื่อใช้ร่วมกับ RSI


ตัวอย่าง

หากหุ้น Apple แสดงค่า Stochastic ที่ 15 ก็อาจถึงเวลาที่หุ้นจะฟื้นตัว


7. ช่วงจริงเฉลี่ย (ATR)

ATR วัดความผันผวนของตลาด ไม่ใช่ทิศทาง ATR จะบอกเทรดเดอร์ว่าสินทรัพย์โดยทั่วไปมีการเคลื่อนไหวเท่าใดในกรอบเวลาที่กำหนด


วิธีการทำงาน

ค่า ATR ที่สูงขึ้น = ความผันผวนที่มากขึ้น ค่า ATR ที่ต่ำกว่า = ตลาดมีเสถียรภาพ


ทำไมจึงเชื่อถือได้สำหรับผู้เริ่มต้น

ATR ช่วยกำหนดระดับการหยุดการขาดทุนและการทำกำไรที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงความผันผวน


ตัวอย่าง

หาก GBP/USD มี ATR อยู่ที่ 80 pips ผู้ซื้อขายอาจตั้งจุดตัดขาดทุนเกินกว่าช่วงนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปิดขาดทุนจากความผันผวนปกติ


8. ตัวบ่งชี้ปริมาณ (ปริมาณสมดุลหรือ OBV)

OBV ติดตามแรงกดดันในการซื้อและการขายโดยรวมปริมาณกับการเปลี่ยนแปลงราคา


วิธีการทำงาน

  • หากราคาเพิ่มขึ้นตาม OBV ที่เพิ่มขึ้น แสดงว่ามีผู้สนใจซื้อจำนวนมาก

  • หากราคาเพิ่มขึ้นแต่ OBV ลดลง แสดงว่าแนวโน้มอ่อนแอ


ทำไมจึงเชื่อถือได้สำหรับผู้เริ่มต้น

ปริมาณมักมาก่อนการเคลื่อนไหวของราคา ทำให้เป็นเครื่องมือยืนยันที่มีประสิทธิภาพ


ตัวอย่าง

หากหุ้น Tesla พุ่งขึ้นจาก OBV ที่สูง แสดงว่าได้รับการสนับสนุนการซื้อจากสถาบัน


9. อิจิโมกุ คลาวด์

Ichimoku Cloud

Ichimoku Cloud เป็นตัวบ่งชี้ที่ซับซ้อนที่ใช้ในการวิเคราะห์ทิศทางแนวโน้ม โมเมนตัม และระดับแนวรับ/แนวต้าน


วิธีการทำงาน

  • หากราคาอยู่เหนือเมฆ แสดงว่าแนวโน้มเป็นขาขึ้น

  • หากราคาอยู่ต่ำกว่าเมฆ แสดงว่าแนวโน้มเป็นขาลง

  • ความหนาของเมฆบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของตลาด


ทำไมจึงเชื่อถือได้สำหรับผู้เริ่มต้น

แม้ว่าจะดูซับซ้อน แต่ก็ให้มุมมองที่ครอบคลุมในครั้งเดียว ลดการพึ่งพาตัวบ่งชี้ต่างๆ


ตัวอย่าง

สำหรับคู่ USD/JPY หากราคาทะลุเหนือเมฆได้ แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง


10. พาราโบลา SAR (หยุดและย้อนกลับ)

Parabolic SAR ช่วยระบุจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นในแนวโน้ม


วิธีการทำงาน

  • จุดเล็ก ๆ ปรากฏด้านบนหรือด้านล่างราคา

  • จุดต่ำกว่าราคา = แนวโน้มขาขึ้น

  • จุดเหนือราคา = แนวโน้มขาลง


ทำไมจึงเชื่อถือได้สำหรับผู้เริ่มต้น

Parabolic SAR เป็นแบบตรงไปตรงมาและให้จุดเข้า/ออกที่ชัดเจน


ตัวอย่าง

หากกราฟราคาน้ำมันดิบแสดงจุดพลิกกลับด้านล่างแท่งเทียน แสดงว่ามีแนวโน้มขาขึ้น


ผู้เริ่มต้นควรใช้ตัวบ่งชี้อย่างไรในปี 2025

ผู้เริ่มต้นหลายคนทำผิดพลาดด้วยการพึ่งพาตัวบ่งชี้มากเกินไปในคราวเดียว นำไปสู่ภาวะการวิเคราะห์ที่ผิดพลาด แทนที่จะทำดังนี้:


  1. รวมตัวบ่งชี้แนวโน้มตัวหนึ่ง (เช่น MA หรือ Ichimoku) เข้ากับตัวบ่งชี้โมเมนตัมตัวหนึ่ง (เช่น RSI หรือ Stochastic)

  2. ใช้ตัวบ่งชี้ความผันผวน (เช่น ATR หรือ Bollinger Bands) เพื่อการจัดการความเสี่ยง

  3. ยืนยันสัญญาณด้วยการดำเนินการราคาเสมอ ก่อนที่จะเข้าสู่การซื้อขาย


คำถามที่พบบ่อย

1. ตัวบ่งชี้การซื้อขายคืออะไรในแง่ที่เข้าใจง่าย?

ตัวบ่งชี้การซื้อขายเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา แนวโน้ม โมเมนตัม และความผันผวน โดยใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ที่ประยุกต์ใช้กับข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขาย เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อหรือขาย


2. ตัวบ่งชี้การซื้อขายใดดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น?

ตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), RSI (Relative Strength Index), MACD และ Bollinger Bands ตัวบ่งชี้เหล่านี้เข้าใจง่าย ใช้กันอย่างแพร่หลาย และให้สัญญาณที่ชัดเจนสำหรับจุดเข้าและจุดออก


3. ตัวบ่งชี้การซื้อขายใช้งานได้ในทุกสภาวะตลาดหรือไม่?

ไม่ ตัวบ่งชี้บางตัวทำงานได้ดีที่สุดในตลาดที่มีแนวโน้ม (เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) ในขณะที่ตัวบ่งชี้บางตัวทำงานได้ดีกว่าในตลาดที่มีช่วงราคา (เช่น RSI หรือ Stochastic Oscillator) เทรดเดอร์จำเป็นต้องปรับตัวบ่งชี้ให้เข้ากับสภาวะตลาด


4. ความแตกต่างระหว่างตัวบ่งชี้นำและตัวบ่งชี้ตามคืออะไร?

  • ตัวบ่งชี้ชั้นนำ (เช่น RSI, Stochastic) พยายามที่จะคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต

  • ตัวบ่งชี้ที่ล่าช้า (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และ MACD) ยืนยันแนวโน้มหลังจากที่เริ่มต้น


ผู้ค้ามักใช้ทั้งสองอย่างเพื่อการตัดสินใจที่สมดุล


บทสรุป

สรุปแล้ว กลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นในปี 2025 ไม่ใช่การไล่ตามทุกอินดิเคเตอร์ แต่คือการฝึกฝนอินดิเคเตอร์ที่เชื่อถือได้เพียงไม่กี่ตัว ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่, RSI, MACD และ Bollinger Bands ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับผู้เริ่มต้น ขณะที่อินดิเคเตอร์ขั้นสูงอย่าง Ichimoku และ Fibonacci retracements จะให้ข้อมูลเชิงลึกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น


สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าตัวบ่งชี้ควรสนับสนุนแผนการเทรดของคุณ ไม่ใช่แทนที่มัน ควรนำตัวบ่งชี้เหล่านี้มาใช้ร่วมกับการบริหารความเสี่ยงและการรับรู้ตลาดเสมอ เพื่อความสำเร็จในการเทรด


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
วิธีเรียนรู้การซื้อขาย Forex อย่างปลอดภัยสำหรับมือใหม่
รูปแบบการซื้อขายที่ดีที่สุดสำหรับผลกำไรที่สม่ำเสมอ
Bollinger Bands: ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่อิงตามความผันผวน
คำจำกัดความของ Limit Down และผลกระทบต่อตลาด
ทำความรู้จักกับดัชนีวิลเลียมส์(WR) และแนะนำหลักการใช้งาน