FX คือโอกาสทำกำไรหรือแค่ความเสี่ยง? เข้าใจให้ลึก

ในโลกที่การเงินเปลี่ยนแปลงเร็วแบบไม่รอใคร FX หรือ Foreign Exchange กลายเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรรู้ไว้ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดเทรดหรือมือโปร เพราะการเข้าใจ FX จะช่วยให้คุณมองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้จากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินระหว่างประเทศ

ในบทความนี้เราจะพาคุณไปสำรวจทุกมุมของ FX ตั้งแต่ความหมายพื้นฐานที่ทุกคนควรรู้ ไปจนถึงเทคนิคการวิเคราะห์ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจตลาดได้ดีขึ้น รวมทั้งข้อดีข้อเสียที่ควรทราบก่อนเข้าสู่ตลาดการเงินโลก

FX คืออะไรกันแน่? รู้ให้ลึกก่อนพลาดจังหวะเทรด

FX ย่อมาจาก Foreign Exchange หรือที่เราเรียกกันว่า Forex ซึ่งง่าย ๆ คือการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ โดยลองนึกภาพดู หากคุณมีทริปกำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่น คุณก็ต้องเอาเงินบาทไปแลกเป็นเงินเยน และถ้าวันนี้ 1 บาทแลกได้ 4 เยน แต่พรุ่งนี้แลกได้ 4.5 เยน คุณก็จะได้เงินเยนมากขึ้น ซึ่งนี่คือหลักการพื้นฐานของ FX เลย แต่ที่แตกต่างกันคือในตลาด Forex คือคุณไม่ต้องถือเงินจริงๆ แต่เป็นการทำสัญญาซื้อขายที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น

• ถ้าคิดว่าดอลลาร์จะแข็งขึ้น เราก็ซื้อดอลลาร์

• ถ้าคิดว่าบาทจะอ่อนลง เราก็ขายบาท

ใครบ้างที่มีอำนาจขยับราคาค่าเงิน FX ในตลาดได้

ตลาด FX มีผู้เล่นหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละกลุ่มมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ธนาคารกลางที่มีหน้าที่ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน จนถึงนักเก็งกำไรรายย่อยที่เทรดจากที่บ้าน

• ธนาคารกลาง (Central Banks)
  บทบาทหลักคือการบริหารค่าเงินของประเทศผ่านนโยบายการเงิน เช่น การปรับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อตลาด FX ได้อย่างมาก เช่น การขึ้นดอกเบี้ยมักทำให้ค่าสกุลเงินแข็งค่า

• ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงิน
  มีส่วนร่วมในตลาด FX มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด โดยทำหน้าที่ทั้งเพื่อธุรกิจของลูกค้าและการเก็งกำไรเอง

• บริษัทข้ามชาติ (MNCs)
  บริษัทเหล่านี้จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนเงินตราเพื่อการค้าระหว่างประเทศ เช่น บริษัทสหรัฐที่ต้องจ่ายค่าแรงพนักงานในยุโรป ก็ต้องแปลง USD เป็น EUR

• นักลงทุนรายย่อย (Retail Traders)
  ส่วนมากเทรดเดอร์รายย่อยมักจะเทรดผ่านโบรกเกอร์ Forex โดยอาจจะมีการใช้เลเวอเรจเพื่อเพิ่มอำนาจซื้อ ซึ่งแม้กลุ่มนี้จะมีสัดส่วนการซื้อขายไม่มาก แต่ก็เป็นกลุ่มที่เติบโตเร็วที่สุดในช่วงหลัง

กลยุทธ์ FX มือใหม่ต้องรู้! เทรดอย่างไรให้มีชั้นเชิง

แม้ตลาด FX จะดูซับซ้อนและผันผวน แต่หากเข้าใจและเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม โอกาสสร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคงก็เป็นไปได้จริง กลยุทธ์ในการเทรดไม่ใช่แค่เรื่องของเทคนิค แต่ยังรวมถึงวินัย การจัดการความเสี่ยง และการเข้าใจพฤติกรรมของตลาดในแต่ละช่วงเวลา สำหรับมือใหม่ การเริ่มต้นด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายคือหัวใจสำคัญ

1. กลยุทธ์เทรดตามแนวโน้ม (Trend Following)

หนึ่งในกลยุทธ์พื้นฐานที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเป็นการเทรดไปตามทิศทางของตลาดในช่วงเวลานั้น เช่น หากค่าเงินอยู่ในขาขึ้น (Uptrend) นักเทรดก็จะมองหาจังหวะซื้อเท่านั้น การเทรดตามแนวโน้มช่วยลดความเสี่ยงจากการสวนตลาด และช่วยให้เทรดเดอร์อยู่ในทิศทางที่มีโอกาสสูงที่สุดในการทำกำไร

เครื่องมือที่นิยมใช้ในกลยุทธ์นี้ ได้แก่ เส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average), Trendline และ MACD เพื่อยืนยันทิศทางของแนวโน้ม

2. กลยุทธ์ Breakout: เมื่อราคาทะลุแนวรับแนวต้าน

Breakout คือช่วงเวลาที่ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ ซึ่งมักจะตามมาด้วยแรงซื้อหรือแรงขายที่รุนแรง การใช้กลยุทธ์ Breakout จะช่วยให้คุณเข้าเทรดทันทีที่ตลาดเริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางใหม่ โดยไม่ต้องรอให้แนวโน้มเกิดขึ้นชัดเจนก่อน

ยกตัวอย่างเช่น หาก EUR/USD เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1.0800–1.0900 และวันหนึ่งราคาทะลุขึ้นเหนือ 1.0900 ด้วยปริมาณซื้อขายสูง แสดงว่าแรงซื้อเข้ามาชัดเจน เทรดเดอร์สามารถใช้จังหวะนี้เปิดออเดอร์ Buy ได้

3. กลยุทธ์ Swing Trading: เน้นเก็บรอบกลางระหว่างแนวโน้ม

เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ไม่สามารถเฝ้าหน้าจอทั้งวัน โดยจะเทรดจากจุดกลับตัวเล็ก ๆ ในช่วงแนวโน้มใหญ่ เช่น การซื้อเมื่อราคาย่อตัวระหว่างเทรนด์ขาขึ้น หรือขายเมื่อราคาดีดตัวระหว่างเทรนด์ขาลง ซึ่ง Swing Trader มักใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น Fibonacci Retracement, RSI และรูปแบบแท่งเทียน เพื่อหาจุดเข้าซื้อและจุดขาย กลยุทธ์นี้เน้นการถือออเดอร์ประมาณ 1–3 วันต่อรอบ

4. กลยุทธ์ Scalping: เก็บกำไรเร็วในไม่กี่นาที

Scalping คือกลยุทธ์ที่เน้นการเปิด-ปิดออเดอร์ในช่วงเวลาสั้นมาก อาจเพียงไม่กี่นาที โดยตั้งเป้ากำไรเพียง 5–10 pip ต่อครั้ง แต่วางแผนเข้าออกบ่อยและแม่นยำ โดยจุดเด่นของ Scalping คือการลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะยาว แต่ต้องอาศัยความเร็ว วินัย และระบบเทรดที่เสถียร โดยกลยุทธ์นี้เหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีเวลาเฝ้าหน้าจอต่อเนื่อง และใช้บัญชีเทรดที่มีค่าสเปรดต่ำ 

เทรด Forex กี่โมงดีที่สุด

• ช่วงตลาดลอนดอน (14:00 – 23:00 น. ตามเวลาไทย) เป็นช่วงที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดของวัน เพราะเป็นเวลาที่ธนาคารในยุโรปเปิดทำการ และยังตรงกับการเปิดตลาดนิวยอร์กในช่วงท้าย

• ช่วงตลาดนิวยอร์ก (19:00 – 02:00 น.)
  ช่วงนี้มีความผันผวนสูงที่สุดในวัน โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ย หรือข้อมูลตลาดแรงงาน

• ตลาดโตเกียวและซิดนีย์ (ประมาณ 06.00 – 09:00 น.)
  แม้ปริมาณการซื้อขายจะน้อยกว่า แต่ก็เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเทรดในตลาดที่นิ่ง และเน้นกลยุทธ์ระยะกลางถึงยาว

• เวลาที่ตลาดเปิดพร้อมกัน (Overlap Time)
  ช่วง 19:00 – 23:00 น. เป็นช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน ทำให้เกิดแรงซื้อขายสูงสุด เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการโอกาสทำกำไรจากความผันผวน

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: FX กับ หุ้น ต่างกันยังไง?

A: FX ซื้อขายเงินตรา เปิด 24 ชั่วโมง ใช้เลเวอเรจได้สูง ขณะที่หุ้นจะเป็นการซื้อขายของส่วนแบ่งบริษัท ซึ่งมีเวลาเปิดปิดชัดเจน เปิดตามช่วงเวลาที่กำหนด ประมาณ 21:30-04:00 น. (เวลาไทย) และเลเวอเรจที่ค่อนข้างจำกัด

Q: ตลาด FX เปิดปิดกี่โมง?

A: ตลาด FX เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่เช้าวันจันทร์จนถึงเช้าวันเสาร์ (ตามเวลาประเทศไทย) เพราะมีการหมุนเวียนตามโซนเวลาของแต่ละทวีป

Q: ตลาด FX มีความเสี่ยงมากแค่ไหน?

A: มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีความผันผวนและใช้เลเวอเรจ จึงต้องบริหารเงินอย่างมีวินัยและตั้งจุดตัดขาดทุนเสมอ

สรุป

ตลาด FX หรือ Foreign Exchange ไม่ใช่แค่พื้นที่สำหรับนักเก็งกำไร แต่เป็น “ตลาดการเงินระดับโลก” ที่ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนสกุลเงินให้ทุกประเทศสามารถเชื่อมต่อ การซื้อขาย ลงทุน ได้อย่างราบรื่น โดยตลาดนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าการซื้อขายมากกว่าตลาดหุ้นรวมกันหลายเท่า และดำเนินงานแบบไม่มีศูนย์กลางผ่านระบบออนไลน์ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้เล่นในตลาด FX มีหลายระดับ ตั้งแต่ธนาคารกลางที่ใช้เพื่อควบคุมค่าเงินประเทศ จนถึงเทรดเดอร์รายย่อยที่เทรดผ่านโบรกเกอร์จากหน้าจอที่บ้าน ทุกการเคลื่อนไหวของราคาค่าเงินล้วนสะท้อนความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจและนโยบายของประเทศนั้นๆ ทำให้ตลาดนี้เชื่อมโยงกับข่าวเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด

มือใหม่ที่ต้องการเข้าตลาด FX ควรเริ่มต้นจากการเข้าใจพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นวิธีการทำงานของตลาด คำสั่งซื้อขายแต่ละประเภท กลยุทธ์เบื้องต้น และช่วงเวลาเทรดที่เหมาะสม เพราะสิ่งเหล่านี้คือรากฐานสำคัญของการอยู่รอดในตลาดที่มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงสูง

คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใด ๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใด ๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ