วิเคราะห์แนวโน้มราคา XAUUSD ปี 2025 หลังการมาถึงของยุคโดนัลด์ ทรัมป์ 2.0 โลกเศรษฐกิจผวานโยบายการค้าสหรัฐฯ หนัก จนทองคำทำราคาสูงสุด
ในยุคที่ตลาดการเงินเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ ราคา XAUUSD กลายเป็นอีกสิ่งที่เทรดเดอร์พากันจับตามองมากขึ้น หลังการกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ ในประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เพราะมีการเริ่มต้นบังคับใช้นโยบายทางการค้าเชิงลุกจนตลาดผันผวนหนักจนราคาทองคำดีดตัวสูงขึ้นมาก
EBC Financial Group จึงขอเปิดบทวิเคราะห์ราคา XAUUSD ช่วงครึ่งปีหลัง 2025 ทั้งแบบกราฟทางเทคนิค ผลกระทบทางนโยบายเศรษฐกิจ และภัยเงียบต่อราคาที่อาจรอวันปะทุในอนาคตอันใกล้
การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2025 ก่อให้เกิดแรงสะเทือนทางเศรษฐกิจ เพราะนโยบายทางการคลังที่เน้นการลดภาษี กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ และปรับโครงสร้างการค้าระหว่างประเทศ ล้วนมีผลต่อค่าเงินดอลลาร์ และย่อมส่งผลกระทบต่อ ราคา XAUUSD
ซึ่งนโยบายที่เป็น “ชาตินิยมทางเศรษฐกิจ” มีแนวโน้มจะดันให้ดอลลาร์แข็งค่าในระยะสั้น จากความคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะมีการเติบโตของ GDP ที่สูงขึ้น และการนำเงินกลับเข้าประเทศจากภาคเอกชน แต่ในระยะกลางถึงยาว ความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะและขาดดุลอาจกดดันค่าเงินดอลลาร์ให้กลับมาอ่อนตัวอีกครั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทอง
โดยเฉพาะในวันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมาที่ทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่มีตั้งแต่ 10% จนถึง 40% (ไทยสูงถึง 36%) ทำให้ตลาดหุ้นดิ่งหนัก ราคาสินทรัพย์เสี่ยงทรุดตัวอย่างรุนแรง นักลงทุนแห่ซื้อทองคำจนดัน ราคา XAUUSD สูงถึง 3,300 กว่าดอลลาร์ภายในระยะเวลาเพียง 1 อาทิตย์เท่านั้น
ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ยังคงคุมเข้มนโยบายการเงิน แม้แรงกดดันจากเงินเฟ้อจะชะลอลงในบางช่วง แต่ตัวเลขแรงงานที่แข็งแกร่งยังเป็นอุปสรรคต่อการปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ถ่วงราคาทองคำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หาก Fed ยังตรึงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงไปจนถึงปลายปี จะเป็นแรงกดดันทางลบต่อทองคำในแง่ของ "ต้นทุนโอกาส" ที่นักลงทุนต้องแบกรับเมื่อถือทองโดยไม่มีดอกเบี้ยจ่าย เทียบกับตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น วิกฤติในตลาดหุ้นสหรัฐหรือภาคธนาคารเกิดรอยร้าว Fed อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำเสียงอย่างกะทันหัน ซึ่งจะกลายเป็นแรงส่งเชิงบวกต่อ XAUUSD ได้ทันทีในเวลาอันสั้น
สิ่งสำคัญคือ นักลงทุนต้องติดตามคำแถลงและรายงานการประชุมของ Fed อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการใช้คำว่า “data dependent” และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงประมาณการเศรษฐกิจ (Dot Plot) ในแต่ละไตรมาส เพราะสามารถชี้นำแนวทางดอกเบี้ยได้ล่วงหน้า
ปัจจัยหลักในยุค Trump 2.0 ที่อาจทำให้ทองคำทำราคาสูงสุดใหม่คือความกังวลเชิงลึกในระดับมหภาค ซึ่งหนึ่งในปัจจัยหลักคือ "สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน" ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2018 โดยการตั้งกำแพงภาษีต่อกันเป็นระลอก สร้างความผันผวนอย่างหนักในตลาดการเงินโลก นักลงทุนไม่มั่นใจในแนวทางของเศรษฐกิจโลกและหาทางลดความเสี่ยงด้วยการถือทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ถูกมองว่าปลอดภัยที่สุดในยามที่ทุกอย่างไม่แน่นอน
พร้อมกันนั้น Fed ก็หันกลับมาใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย โดยเฉพาะช่วงปี 2019–2020 ที่เริ่มลดดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดันจากความตึงเครียดทางการค้า และเร่งมาตรการ QE อีกครั้งในช่วงโควิด-19 ระบาดต้นปี 2020 เมื่อ Fed ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือใกล้ศูนย์และอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบครั้งใหญ่ มูลค่าของเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนลง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองทางเทคนิค เพราะเมื่อเงินดอลลาร์อ่อน นักลงทุนต่างชาติยิ่งมีแรงจูงใจเข้าซื้อทองคำมากขึ้น
อีกด้านหนึ่ง ตลาดหุ้นเองก็เป็นปัจจัยเสริม เมื่อหุ้นวอลสตรีทเข้าสู่โหมดปรับฐานหรือลงแรงจากความกลัวเชิงระบบ เหมือนช่วงต้นโควิดปี 2020 ที่ S&P 500 และ Dow Jones ร่วงหนัก ทองคำกลับพุ่งทะลุ $2,000 ต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดใหม่ในประวัติศาสตร์ (ในตอนนั้น) เพราะนักลงทุนมองว่าทองไม่ใช่แค่ "ที่หลบภัย" แต่ยังเป็น "เกราะป้องกัน" จากนโยบายที่คาดเดาไม่ได้ในยุคที่ทรัมป์ยังครองอำนาจอยู่
1. ราคาปัจจุบันและแนวรับ-แนวต้านสำคัญ
ราคาทองคำ XAUUSD เคลื่อนไหวที่ประมาณ 3,340 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2025 โดยราคายังคงยืนเหนือแนวรับสำคัญแถว 3,320-3,330 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นฐานแข็งแกร่งหลังจากการปรับฐานเล็กน้อยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
2. Moving Average และโมเมนตัม
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (MA50) อยู่ที่ประมาณ 3,325 ดอลลาร์ และเส้น MA200 อยู่ที่ประมาณ 3,280 ดอลลาร์ ราคาทองยังคงเหนือเส้นทั้งสองนี้ ทำให้เทรนด์ขาขึ้นระยะกลางยังไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่เครื่องมือ RSI ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 62-64 ซึ่งยังไม่เข้าโซน overbought (เกิน 70) บ่งชี้ว่าราคายังมีพื้นที่ให้ขึ้นต่อได้อีกในระยะสั้นถึงปานกลาง
3. สัญญาณเทคนิคและความเสี่ยงที่ต้องระวัง
MACD ยังคงเป็นบวก และเส้นสัญญาณ (Signal line) อยู่ต่ำกว่าเส้น MACD ชี้ว่ามีโมเมนตัมในการซื้ออยู่ ส่วนสัญญาณ divergence ยังไม่มีปรากฏในตอนนี้ ทำให้ราคายังมีโอกาสขยับขึ้นได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี หากราคาทองหลุดแนวรับสำคัญที่ 3,320 ดอลลาร์ อาจเจอแรงขายกดดันจนราคาลงไปทดสอบ 3,280 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นเส้น MA200 และถือเป็นแนวรับสุดท้ายก่อนแนวโน้มขาลงอาจชัดเจนขึ้น
Q: XAUUSD คืออะไร?
A: XAUUSD คือคู่เงินที่แสดงราคาทองคำเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดย 1 XAU = 1 ออนซ์ทองคำ
Q: ราคาทองจะกลับไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้ไหม?
A: หากราคาทะลุแนวต้านสำคัญที่ 3,450 ได้ และ Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน มีโอกาสสูงที่จะทำจุดสูงสุดใหม่
Q: แนวรับแนวต้านสำคัญราคา XAUUSD อยู่ที่เท่าไหร่
A : แนวรับหลักอยู่ที่ประมาณ $3,300–3,330 และแนวต้านสำคัญที่ $3,451.53
ราคาทองคำ XAUUSD ในช่วงครึ่งปีหลัง 2025 อยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ จากปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ และแรงจูงใจจากธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะการกลับมาของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่นำความไม่แน่นอนกลับเข้าสู่ตลาดการเงินอีกครั้ง
แม้ดอกเบี้ยสูงยังคงเป็นแรงกดดัน แต่การที่ทองคำสามารถยืนอยู่เหนือเส้นแนวรับสำคัญ และมีแรงหนุนจากปัจจัยระยะกลาง อย่างนโยบายกีดกันการค้าและการสะสมทองคำของประเทศมหาอำนาจ ก็ยังทำให้ภาพรวมระยะยาวยัง “ไม่เป็นลบ”
ดังนั้นราคาทองคำอาจวิ่งในกรอบ 3,300–3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 3,450 หากทะลุได้ โอกาสที่จะทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงท้ายปี 2025 ก็มีอยู่ไม่น้อย แต่ต้องคอยจับตา Fed และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างใกล้ชิดต่อไป
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใด ๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใด ๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ตัดเสียงรบกวนด้วยกลยุทธ์การเทรด Forex ที่พิสูจน์แล้ว ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค อินดิเคเตอร์ที่สำคัญ รวมถึงการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญของ EBC คลาสเรียนออนไลน์ และสัญญาณเตือนเทรดที่แม่นยำ
2025-08-07เปิดข้อมูลแนวรับ แนวต้าน คืออะไร เจาะลึกหัวใจของการวิเคราะห์กราฟ พร้อมกลยุทธ์ใช้เทรดจริงที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ย ด้วยเทคนิคพื้นฐานที่ต้องรู้ก่อนเริ่มเทรดทุกตลาด
2025-08-07ติดตามราคาน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI แบบเรียลไทม์ พร้อมปัจจัยขับเคลื่อนตลาด การคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ และความเคลื่อนไหววันนี้มีความหมายอย่างไรต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจโลก
2025-08-07