เผยแพร่เมื่อ: 2025-07-15 อัปเดตเมื่อ: 2025-07-16
ในแต่ละวันของการซื้อขาย มักจะมีหุ้นบางตัวที่โดดเด่นขึ้นมา ครองพื้นที่ข่าวสารและแผนที่ความร้อนของตลาดจากปริมาณการซื้อขายที่มากเป็นพิเศษ หุ้นที่มีการซื้อขายมากเหล่านี้ดึงดูดความสนใจจากทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน
ปริมาณการซื้อขายถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของสภาพคล่อง แรงส่ง และความผันผวนในตลาด จึงเหมาะทั้งสำหรับนักเทรดระยะสั้นและนักลงทุนระยะยาว
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 10 หุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุดในช่วงกลางปี 2025 วิเคราะห์แนวโน้มเบื้องหลังความเคลื่อนไหว และแนะนำกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมกับนักลงทุนแต่ละประเภท
ตามข้อมูลจากโปรแกรมกรองหุ้นและ NASDAQ นี่คือ 10 หุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุด ณ กลางเดือนกรกฎาคม 2025:
| ตัวย่อ |
ปริมาณซื้อขาย (หุ้น) | กลยุทธ์ |
|---|---|---|
| SDST |
386 ล้าน (+88%) | Breakout, เทรนด์แบบตั้งจุดตัดขาดทุนแคบ |
| CAN | 191ล้าน (+35%) | Catalytic breakout |
| OPEN | 159 ล้าน (+15%) | Swing trade รับแรงเด้งจากรายงานผลประกอบการ |
| NVDA | 137 ล้าน (-0.52%) | Momentum scalping |
| NIO | 124 ล้าน (+7.05%) | เข้าเทรดช่วงราคาปรับฐานในธีมรถยนต์ไฟฟ้า |
| BBAI | 119 ล้าน (+7.45%) | Volume breakout จากข่าวนโยบาย |
PLTR |
81.77 ล้าน (+4.96%) | กลยุทธ์ breakout ตามเหตุการณ์ |
| AAPL | 39 ล้าน (-1.20%) | หุ้นบลูชิพมีสภาพคล่องสูง เทรนด์เทรด |
| MSFT | 12 ล้าน (-0.06%) | Mega-cap swing ตามภาพรวมเศรษฐกิจ |
| SHOP | 10.23 ล้าน (+4.13%) | ซื้อจังหวะราคาปรับฐานตามเทรนด์ |
1. Stardust Power (SDST)
เหตุผลที่มีความเคลื่อนไหวสูง: ราคาพุ่งกว่า 88% จากแรงซื้อเก็งกำไรและหุ้นลอยตัวต่ำ อาจเกี่ยวข้องกับกระแสแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าหรือข่าวลือการเข้าซื้อกิจการ
กลยุทธ์: Breakout Scalping เข้าเทรดช่วงปริมาณซื้อขายพุ่งผ่านแนวต้านหลัก ออกเร็วเมื่อราคาย่อตัวเล็กน้อย ใช้จุดตัดขาดทุนแคบเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวน
2. Canaan Inc. (CAN)
เหตุผลที่มีความเคลื่อนไหวสูง: ตลาดคริปโตเคอเรนซียังคึกคัก ส่งผลต่อความต้องการฮาร์ดแวร์ขุดเหมือง Canaan เป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่ได้รับอานิสงส์จากความผันผวนของ Bitcoin
กลยุทธ์: Momentum Trend Trade ขี่เทรนด์ราคาที่เหนือค่า VWAP ใช้จุดตัดขาดทุนแบบไดนามิกตามแนวโน้ม Bitcoin
3. Opendoor Technologies (OPEN)
เหตุผลที่มีความเคลื่อนไหวสูง: ข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์ดีเกินคาดและแนวโน้มกำไรที่สดใส ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในหุ้นกลุ่ม PropTech
กลยุทธ์: Swing Trade ช่วงราคาย่อตัว รอราคาย่อลงมาประมาณ 8% จากจุด breakout ก่อนเข้าซื้อเพื่อรอการขึ้นต่อ
4. Nvidia (NVDA)
เหตุผลที่มีความเคลื่อนไหวสูง: เงินทุนสถาบันไหลเข้ามาอย่างหนักจากการครองตลาด AI และดีมานด์การ์ดจอ GPU หุ้นนี้มักติดอันดับหุ้นซื้อขายสูงสุดรายวัน
กลยุทธ์: VWAP Intraday Fade หรือ Bounce เทรดจังหวะเด้งหรือรีเจ็กต์ที่ค่า VWAP โดยอิงข้อมูลคำสั่งซื้อขายเหมาะกับวันที่มีปริมาณสูง
5. Nio Inc. (NIO)
เหตุผลที่มีความเคลื่อนไหวสูง: นโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าในจีนและยอดส่งมอบที่ดีขึ้นกระตุ้นความสนใจจากนักลงทุนรายย่อยและกองทุน
กลยุทธ์: Gap-and-Go ซื้อทันทีเมื่อราคาช่วงเปิดตลาดมีช่องว่างขึ้น พร้อมปริมาณสูงมุ่งทำกำไรระยะสั้นก่อนแรงโมเมนตัมอ่อนตัว
6. BigBear.ai (BBAI)
เหตุผลที่มีความเคลื่อนไหวสูง: ความสนใจใน AI และข่าวลือสัญญากับภาคกลาโหมช่วยเร่งแรงซื้อ บางครั้งเกิด Short Squeeze จากข่าวสาร
กลยุทธ์: Short-Term Breakout Reversal ชอร์ตเมื่อ breakout ล้มเหลวใกล้แนวต้านหากปริมาณซื้อขายลดลง ออกเร็วเมื่อพบสัญญาณฟื้นตัว
7 .Palantir Technologies (PLTR)
เหตุผลที่มีความเคลื่อนไหวสูง: ข่าวสัญญา AI ในภาคกลาโหมและผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ใกล้เข้ามา สร้างความสนใจเทรดเดอร์สูงขึ้น พร้อมแรงเชียร์จากโซเชียลมีเดีย
กลยุทธ์: Volume Confirmation Entry เข้าซื้อเมื่อ breakout ยืนยันด้วยปริมาณมากกว่า 2 เท่าของค่าเฉลี่ย หลีกเลี่ยงการไล่ซื้อใน breakout ที่อ่อนแรง
8. Apple Inc. (AAPL)
เหตุผลที่มีความเคลื่อนไหวสูง: ฤดูประกาศผลประกอบการ ข่าวผลิตภัณฑ์ และนโยบายอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้ปริมาณซื้อขายสูงในหุ้นบลูชิพนี้
กลยุทธ์: Trend Channel Scalping ใช้แถบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 15 นาที เพื่อจับจังหวะราคาย้อนกลับ เน้นซื้อหากกลุ่มเทคโนโลยีเป็นผู้นำดัชนี S&P
9. Microsoft Corp. (MSFT)
เหตุผลที่มีความเคลื่อนไหวสูง: เงินทุนสถาบันไหลเข้าจากความร่วมมือ AI (OpenAI, Azure) คาดการณ์ผลประกอบการและความเป็นผู้นำตลาด
กลยุทธ์: Swing Momentum มองหาจุดหนุนที่ EMA รายวันและขี่แรงแกว่ง 3–5% ระหว่างผลประกอบการหรือข่าวเศรษฐกิจ
10. Shopify Inc. (SHOP)
เหตุผลที่มีความเคลื่อนไหวสูง: การใช้จ่ายผู้บริโภคที่สดใสและการเติบโตของสมาชิกในแพลตฟอร์มกระตุ้นให้สถาบันกลับเข้ามาซื้ออย่างแข็งแกร่ง
กลยุทธ์: Pullback, Buy into Trend รอราคาย่อลง 1–2% ภายในวันใกล้เส้นเทรนด์ไลน์แล้วเข้าซื้อเมื่อราคาฟื้นตัวโดยมีความเสี่ยงจำกัด
เครื่องมือสำคัญสำหรับนักเทรดหุ้นที่มีปริมาณซื้อขายสูง ได้แก่:
ตัวชี้วัดปริมาณซื้อขาย เช่น On-Balance Volume, Volume by Price เพื่อประเมินแรงซื้อแรงขาย
การวิเคราะห์ราคาด้วยแท่งเทียน รูปแบบแนวโน้ม และ breakout เพื่อหาโอกาสเข้า-ออก
แผนภูมิคำสั่งซื้อขาย (order flow) และ footprint charts สำหรับดูเงินทุนสถาบัน
การใช้ VWAP เป็นจุดอ้างอิงเพื่อประเมินแนวโน้มและแนวรับ-ต้านระหว่างวัน
ตัวอย่างการเทรด NVDA ระหว่างวัน
สมมติ NVDA เคลื่อนไหวในช่วงราคา 160–165 ดอลลาร์ ด้วยปริมาณการซื้อขายหนาแน่นเวลา 11 โมงเช้า ET เกิดแท่งเทียน breakout ด้วยปริมาณ 1.5 ล้านหุ้นเหนือ 165 ดอลลาร์ เทรดเดอร์เข้าออเดอร์ที่ 165.10 ตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 164.90 และตั้งเป้าหมายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป 30 เซนต์
กำไรปิดการซื้อขายก่อนพักกลางวันด้วยการเทรดที่รวดเร็วและแรงซื้อที่สนับสนุนปริมาณ
นิสัยประจำวันที่ช่วยให้นักเทรดประสบความสำเร็จ ได้แก่:
เริ่มต้นวันด้วยการตรวจสอบรายชื่อหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด
ตรวจเช็คปริมาณซื้อขายช่วงก่อนเปิดตลาดเพื่อจับจังหวะล่วงหน้า
ติดตามข่าวสารและปฏิทินประกาศผลประกอบการ, รายงาน SEC, หรือการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มอุตสาหกรรม
ใช้เครื่องมือสแกนหุ้นที่ตั้งค่าเกณฑ์ปริมาณขั้นต่ำ เช่น 3 ล้านหุ้นขึ้นไป
ปรับกลยุทธ์ตามสภาพสภาพคล่องและความเสี่ยงที่รับได้ของตนเอง
หุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุดเป็นจุดวัดชีพจรของตลาดในปัจจุบัน ด้วยการเข้าใจพฤติกรรมปริมาณซื้อขายและเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม ตั้งแต่สไตล์ scalping ไปจนถึง swing trade พร้อมบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย คุณจะสามารถขี่โมเมนตัมของหุ้นเหล่านี้และปกป้องทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เน้นสภาพคล่อง ใช้ปริมาณเป็นตัวยืนยัน ติดตามข่าวสาร และรักษาวินัยในการเทรดอย่างเคร่งครัดเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในตลาดหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวสูงนี้
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
