วิเคราะห์การแตกพาร์หุ้น Costco กับโอกาสลงทุน

การแตกพาร์หุ้น Costco กำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุน หลังราคาหุ้นทะยานขึ้นเกิน 1,000 ดอลลาร์ และมูลค่าบริษัทก็ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ถ้าแตกพาร์จริง ๆ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? ราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร การซื้อขายจะคล่องตัวขึ้นไหม และนักลงทุนทั่วไปจะเข้าถึงได้มากขึ้นหรือไม่? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการแตกพาร์หุ้น Costco ในปี 2025 แบบครบถ้วน

ประวัติการแตกพาร์หุ้น Costco และบริบทในปัจจุบัน

Costco เคยแตกพาร์หุ้นมาแล้ว 3 ครั้งในอดีต โดยแต่ละครั้งเป็นการแตกพาร์แบบ 2 ต่อ 1 ในปี 1991, 1993 และ 2000 นับจากนั้นเป็นต้นมา ราคาหุ้นก็พุ่งขึ้นกว่า 2,700% จนล่าสุดในปี 2025 ราคาทะลุเกิน 1,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก

แม้ราคาจะพุ่งแรงขนาดนี้ แต่ผู้บริหารของ Costco ก็ยังไม่ตัดสินใจแตกพาร์อีกครั้งในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ต่างจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Walmart และ Amazon ที่เลือกใช้การแตกพาร์เพื่อช่วยให้หุ้นเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย

การแตกพาร์หุ้นคืออะไร?

การแตกพาร์หุ้นคือการแบ่งราคาหุ้นให้เล็กลง โดยเพิ่มจำนวนหุ้นที่อยู่ในมือผู้ถือหุ้น แต่ไม่ทำให้มูลค่าการลงทุนเปลี่ยน เช่น หากมีหุ้นอยู่ 1 หุ้นราคา 1,000 ดอลลาร์ แล้วบริษัทแตกพาร์แบบ 2 ต่อ 1 นักลงทุนจะได้หุ้นเพิ่มอีก 1 หุ้น และราคาจะกลายเป็น 500 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่ยอดรวมยังเท่าเดิม พูดง่าย ๆ คือ แค่เปลี่ยนโฉมหุ้นให้เข้าถึงง่ายขึ้น แต่ตัวธุรกิจยังเหมือนเดิมทุกอย่าง

ผลกระทบต่อราคาหุ้น

• ราคาต่อหุ้นลดลง: การแตกพาร์จะทำให้ราคาหุ้นของ Costco ลดลง เช่น จาก 1,000 ดอลลาร์เหลือ 500 ดอลลาร์ ในกรณีแตกพาร์ 2 ต่อ 1 ส่งผลให้หุ้นมีราคาจับต้องได้มากขึ้นสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่อาจลังเลเพราะราคาหุ้นเดิมสูงเกินไป

• ไม่กระทบปัจจัยพื้นฐาน: การแตกพาร์ไม่มีผลต่อกำไรของบริษัท มูลค่าตลาด หรือสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ลงทุน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงสัญลักษณ์มากกว่าการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ

• อาจเกิดความผันผวนระยะสั้น: การแตกพาร์อาจนำไปสู่ความผันผวนของราคาหุ้นในช่วงสั้น ๆ เนื่องจากแรงซื้อขายที่มากขึ้นและความสนใจจากสื่อ แต่ในระยะยาว ราคาหุ้นยังคงขึ้นอยู่กับพื้นฐานของธุรกิจเป็นหลัก

ผลกระทบต่อสภาพคล่อง

• ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น: โดยทั่วไปแล้ว การแตกพาร์จะส่งผลให้การซื้อขายคึกคักขึ้น เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงหุ้นได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีงบลงทุนจำกัด

• เพิ่มจำนวนนักลงทุนรายย่อย: ราคาหุ้นที่ลดลงสามารถดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ได้มากขึ้น ทำให้ฐานผู้ถือหุ้นกว้างขึ้นและอาจช่วยเพิ่มแรงซื้อในตลาด

• สร้างภาพลักษณ์เชิงบวก: นักลงทุนบางรายมองว่าการแตกพาร์เป็นสัญญาณว่าผู้บริหารมีความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของบริษัท ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นความสนใจในการลงทุนได้

การแตกพาร์หุ้นมีประโยชน์ต่อนักลงทุนหรือไม่?

ประโยชน์ที่ได้รับ

• ความสามารถในการซื้อ: เมื่อราคาหุ้นลดลงหลังการแตกพาร์ นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรอบใหญ่ (Round Lot) หรือเข้าร่วมแผนซื้อหุ้นของพนักงาน

• สภาพคล่อง: จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นและฐานนักลงทุนที่กว้างขึ้น อาจช่วยให้สเปรดระหว่างราคาซื้อ-ขายแคบลง และช่วยให้การค้นหาราคาที่แท้จริงของหุ้น (Price Discovery) มีประสิทธิภาพมากขึ้น

• จิตวิทยาการลงทุน: ราคาหุ้นที่ดู “ถูกลง” อาจทำให้นักลงทุนรู้สึกสบายใจมากขึ้นในการเข้าซื้อ แม้ว่ามูลค่าที่แท้จริงจะยังเท่าเดิมก็ตาม

ข้อควรระวัง

• ไม่มีการรับประกันราคาที่สูงขึ้น: แม้การแตกพาร์อาจทำให้เกิดแรงซื้อในระยะสั้น แต่ราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นในระยะยาวหรือไม่ ยังขึ้นอยู่กับพื้นฐานของบริษัทเป็นหลัก

• ข้อกังวลเกี่ยวกับการลดมูลค่า: แม้ว่าการแยกหุ้นจะไม่ทำให้ความเป็นเจ้าของหุ้นลดลง แต่การแยกหุ้นก็จะทำให้จำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งบางครั้งอาจนำไปสู่ความผันผวนในระยะสั้นได้

• EPS หรือกำไรต่อหุ้นจะลดลง: แม้กำไรสุทธิของบริษัทจะเท่าเดิม แต่เมื่อมีจำนวนหุ้นมากขึ้น EPS จะถูกหารออกมาได้น้อยลง ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนบางคนสับสนหากไม่เข้าใจกลไกนี้

มุมมองนักวิเคราะห์และผู้บริหาร

นักวิเคราะห์มองว่าการแตกพาร์หุ้นอาจเป็นตัวเร่งให้ราคาหุ้น Costco ขยับขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาหุ้นยังอยู่ในระดับสูงและความสนใจจากนักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารของ Costco ให้เหตุผลว่า ด้วยความนิยมของการซื้อขายหุ้นเศษส่วน (fractional share trading) รวมถึงสัดส่วนการถือหุ้นของสถาบันที่สูงถึงประมาณ 70% ทำให้การแตกพาร์หุ้นในวันนี้ “ไม่จำเป็นทางเศรษฐกิจมากนัก” 

บทเรียนจากประวัติศาสตร์

การแตกพาร์หุ้นของ Costco ในช่วงปี 1990 นั้น ตามมาด้วยช่วงเวลาของผลตอบแทนที่แข็งแกร่งและการเติบโตของสมาชิก หลังจากแตกพาร์ในปี 1993 ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 45% ในปีถัดมา

แม้จะไม่แตกพาร์ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา แต่หุ้น Costco ก็สามารถสร้างผลตอบแทนถึง 1,200% ซึ่งมากกว่าดัชนี S&P 500 อย่างชัดเจน สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าแม้การแตกพาร์จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและการเข้าถึงหุ้นได้ดีขึ้น แต่ผลตอบแทนระยะยาวยังคงขึ้นอยู่กับการเติบโตของธุรกิจและพื้นฐานที่แข็งแกร่งเป็นสำคัญ

สรุป

การแตกพาร์หุ้น Costco จะทำให้ราคาหุ้นลดลง และจำนวนหุ้นเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้หุ้นเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมีแนวโน้มเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่ส่งผลต่อมูลค่าตลาดหรือพื้นฐานของบริษัทแต่อย่างใด

นักลงทุนควรมองการแตกพาร์หุ้นเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มการเข้าถึงและกิจกรรมการซื้อขาย ไม่ใช่การันตีว่าจะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม โมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง การเติบโตของสมาชิก และผลประกอบการที่มั่นคง ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนมูลค่าระยะยาวของ Costco

คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ