简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

ดัชนีที่ดีที่สุดในการซื้อขาย: ควรเริ่มต้นจากที่ใดและควรดูอะไร

2025-03-18

สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่หลายๆ คน โลกของตลาดการเงินอาจดูน่าปวดหัว ด้วยหุ้น สกุลเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีอยู่นับพันรายการ การรู้ว่าควรเริ่มต้นจากตรงไหนจึงถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง นั่นคือที่มาของการซื้อขายดัชนี ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายกว่าและมีเป้าหมายชัดเจนกว่าในการเปิดรับความเสี่ยงจากตลาดโดยไม่ต้องเลือกหุ้นทีละตัว แต่ดัชนีทั้งหมดไม่ได้ถูกสร้างมาเท่าเทียมกัน ดัชนีบางตัวมีสภาพคล่องมากกว่า บางตัวมีความผันผวนมากกว่า และบางตัวก็เข้าถึงได้ง่ายกว่า ขึ้นอยู่กับว่าคุณอาศัยอยู่หรือซื้อขายที่ใด ดังนั้น ดัชนีตัวใดดีที่สุดสำหรับการซื้อขาย?


บทนำสู่ดัชนีตลาดหุ้น


โดยพื้นฐานแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นเป็นเพียงกลุ่มหุ้นที่รวบรวมเข้าด้วยกันเพื่อแสดงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งของตลาด แทนที่จะติดตามบริษัทเดียว ดัชนีจะสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของธุรกิจหลายๆ แห่ง ซึ่งมักจะมาจากประเทศหรืออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง ตัวอย่างเช่น FTSE 100 ประกอบด้วยบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 100 แห่งในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ในขณะที่ S&P 500 ประกอบด้วยบริษัทใหญ่ 500 แห่งที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา


ดัชนีถูกใช้เป็นข้อมูลสรุปภาพรวมของตลาด เมื่อดัชนีเพิ่มขึ้น มักหมายความว่าบริษัทส่วนใหญ่ในดัชนีมีผลการดำเนินงานที่ดี และเมื่อดัชนีลดลง ในทางกลับกัน ดัชนีจึงมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ซื้อขายที่ต้องการวัดความรู้สึกของตลาดหรือใช้ประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวม แทนที่จะเดิมพันกับบริษัทรายบุคคล

Best Indices to Trade-NASDAQ, DAX, DOW JONES, S&P-EBC

หลักเกณฑ์การคัดเลือกดัชนีเพื่อซื้อขาย


ในปัจจุบันที่มีดัชนีให้เลือกหลากหลาย เราจะรู้ได้อย่างไรว่าดัชนีใดคุ้มค่าต่อการซื้อขาย มีปัจจัยสำคัญบางประการที่ต้องพิจารณา


สภาพคล่องเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งหมายความว่าการซื้อและขายนั้นง่ายเพียงใดโดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคามากเกินไป ดัชนีที่มีปริมาณการซื้อขายสูง เช่น S&P 500 หรือ DAX 40 มักมีค่าสเปรดที่แคบกว่าและการดำเนินการที่รวดเร็วกว่า ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่กระตือรือร้น


ความผันผวนเป็นอีกประเด็นสำคัญ เทรดเดอร์บางรายชอบตลาดที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตลอดทั้งวัน เนื่องจากตลาดประเภทนี้สามารถให้โอกาสในการทำกำไร (และความเสี่ยง) ได้มากขึ้น ดัชนีเช่น NASDAQ-100 ขึ้นชื่อในเรื่องความผันผวนที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องมาจากบริษัทเทคโนโลยีที่รวมอยู่ในดัชนี


นอกจากนี้ คุณยังต้องพิจารณาเวลาเปิด-ปิดตลาดและการเข้าถึงด้วย ดัชนีบางตัว เช่น ดัชนีในสหรัฐอเมริกา ซื้อขายในช่วงเวลาที่แตกต่างจากดัชนีในสหราชอาณาจักรหรือเอเชีย ขึ้นอยู่กับเขตเวลาและตารางเวลาของคุณ การซื้อขายดัชนีที่ตรงกับวันของคุณอาจสะดวกกว่า


ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่กว้างขึ้นและเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์อาจส่งผลต่อดัชนีแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น ดัชนีของยุโรปอาจตอบสนองต่อกฎระเบียบของสหภาพยุโรปอย่างรุนแรง ขณะที่ตลาดในเอเชียอาจได้รับอิทธิพลจากการพัฒนาในจีนหรือญี่ปุ่น


ดัชนีระดับโลกชั้นนำสำหรับการซื้อขาย


ดัชนีหุ้นบางตัวได้รับความสนใจและกิจกรรมการซื้อขายมากกว่าตัวอื่นๆ ทั่วโลก ดัชนีหุ้นที่ได้รับความนิยมทั่วโลกเหล่านี้มีทั้งสภาพคล่อง การเคลื่อนไหว และโอกาสที่ดึงดูดผู้ซื้อขายทุกระดับ


อันดับแรกคือ S&P 500 ในสหรัฐอเมริกา ดัชนีนี้ครอบคลุมบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 500 แห่งในสหรัฐอเมริกา ดัชนีนี้ให้การเปิดรับความเสี่ยงในวงกว้างต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และเป็นที่รู้จักในเรื่องความมั่นคงและความลึกซึ้ง ดัชนีนี้มีสภาพคล่องสูงและได้รับการติดตามอย่างกว้างขวาง ทำให้เป็นที่ชื่นชอบสำหรับผู้ค้าทุกระดับ


นอกจากนี้ยังมี NASDAQ-100 ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความเฉพาะทางมากกว่าเล็กน้อย ประกอบด้วยบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงินขนาดใหญ่ 100 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคเทคโนโลยี เช่น Apple, Microsoft และ Amazon เนื่องจาก NASDAQ เน้นด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก จึงมีความผันผวนมากกว่า โดยราคาจะผันผวนรุนแรงกว่า ซึ่งดึงดูดผู้ซื้อขายระยะสั้น


ในสหราชอาณาจักร เรามี FTSE 100 ซึ่งประกอบด้วยผู้เล่นหลักๆ เช่น BP, HSBC และ Unilever ถือเป็นตัวเลือกที่มั่นคงสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อขายในช่วงเวลาทำการของตลาดในสหราชอาณาจักรและติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจของอังกฤษ นอกจากนี้ FTSE 100 ยังมีสภาพคล่องสูงและมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามการพัฒนาของโลก เนื่องจากบริษัทหลายแห่งเป็นบริษัทข้ามชาติ


DAX 40 เป็นดัชนีสำคัญที่ติดตามบริษัทสำคัญ 40 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต โดยดัชนีนี้เป็นตัวแทนของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป โดยมีบริษัทอย่าง Siemens และ BMW เป็นดัชนีที่ได้รับการยอมรับว่าตอบสนองต่อข่าวสารและข้อมูลเศรษฐกิจของยุโรปได้ดี จึงให้ทั้งเสถียรภาพและโอกาส


สุดท้าย Nikkei 225 ในญี่ปุ่นช่วยให้ผู้ค้าสามารถมองเห็นตลาดในเอเชียได้ ซึ่งรวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตและบริษัทเทคโนโลยี และได้รับอิทธิพลจากทั้งนโยบายในประเทศและพลวัตการค้าโลก เมื่อพิจารณาจากความแตกต่างของเขตเวลา จึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ค้าที่มองหาการซื้อขายนอกเวลาทำการของยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา

Top Global Indices for Trading-DAX, DOW JONES, NASDAQ100, NIKKEI-EBC

ดัชนีตลาดเกิดใหม่


นอกเหนือจากดัชนีระดับโลกที่เป็นที่รู้จักแล้ว ผู้ซื้อขายบางรายยังมองไปที่ตลาดเกิดใหม่เพื่อดูการเติบโตและความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น


ดัชนี MSCI Emerging Markets เป็นตัวเลือกที่หลากหลาย ครอบคลุมบริษัทจากประเทศต่างๆ เช่น บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ ตลาดเหล่านี้อาจมีความเสี่ยงมากกว่าเนื่องจากความไม่มั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นอีกด้วย เพียงแต่โปรดทราบว่าสภาพคล่องอาจต่ำลง และราคาอาจผันผวนได้ยากขึ้น


ในประเทศจีน ดัชนี Shanghai Composite ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่สนใจเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ดัชนีนี้ประกอบด้วยบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ และมักได้รับอิทธิพลจากนโยบายของรัฐบาล ความสัมพันธ์ทางการค้า และข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศ แม้ว่าจะเข้าถึงดัชนีนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนดัชนีอื่นๆ แต่โบรกเกอร์บางรายก็เสนอการเปิดรับความเสี่ยงผ่าน ETF หรือ CFD


กลยุทธ์การซื้อขายดัชนี


การซื้อขายดัชนีไม่ใช่แค่การเลือกดัชนีที่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการรู้วิธีการซื้อขายดัชนีอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย


เทรดเดอร์จำนวนมากใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคโดยอาศัยแผนภูมิและตัวบ่งชี้เพื่อระบุรูปแบบและแนวโน้ม เครื่องมือเช่นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ระดับแนวรับและแนวต้าน และ RSI (Relative Strength Index) มักใช้เพื่อกำหนดเวลาเข้าและออก


นักวิเคราะห์รายอื่นๆ ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น รายงานเศรษฐกิจ การตัดสินใจของธนาคารกลาง และเหตุการณ์ทั่วโลก เพื่อคาดการณ์ว่าตลาดจะเคลื่อนไหวอย่างไร ตัวอย่างเช่น รายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ อาจส่งผลดีต่อดัชนี S&P 500 ในขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อดัชนี DAX


การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่ากลยุทธ์ของคุณจะเป็นอย่างไร การใช้คำสั่งตัดขาดทุน การกำหนดขนาดตำแหน่ง และการควบคุมอารมณ์สามารถช่วยปกป้องเงินทุนของคุณได้ โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวน


สุดท้ายนี้ การติดตามข่าวสารทั่วโลกถือเป็นสิ่งสำคัญ ดัชนีจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยหรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้น การจับตาดูพาดหัวข่าวจะช่วยให้คุณได้เปรียบ


การซื้อขายดัชนีเป็นช่องทางที่ให้คุณมีส่วนร่วมในตลาดได้อย่างคล่องตัว โดยมีตัวเลือกสำหรับประสบการณ์ทุกระดับ โดยการมุ่งเน้นไปที่ดัชนีที่เข้าถึงได้มากที่สุดและพัฒนาแนวทางที่มั่นคงในการวิเคราะห์และการจัดการความเสี่ยง คุณสามารถซื้อขายได้อย่างมั่นใจมากขึ้น – และหวังว่าจะประสบความสำเร็จมากขึ้น – ในส่วนที่น่าตื่นเต้นนี้ของโลกการซื้อขาย


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
คู่มือเริ่มต้นเทรด forex แบบ day trade
ETF vs กองทุนรวม มือใหม่เลือกแบบไหนคุ้มกว่า?
ดัชนี FTSE China A50 และคู่มือการซื้อขายล่วงหน้า
เรื่องราวการลงทุนของบัฟเฟตต์
ดัชนี Euro Stoxx 50 คืออะไร และควรเทรดอย่างไร?