Slippage Forex คืออะไร? ปัญหาที่เลี่ยงไม่ได้ แต่จัดการได้ถ้าเลือกโบรกเกอร์ที่ใช่

ผู้เขียน: Blair Cornelia

เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-29

เคยไหม? กดส่งคำสั่งซื้อไปที่ราคาหนึ่ง แต่พอกดดูออเดอร์กลับได้อีกราคาหนึ่งที่แพงกว่าเดิม หรือบางครั้งตั้ง Stop Loss ไว้ แต่ราคาไหลไปไกลกว่าที่คิด ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์ แต่ในโลกการเงินเราเรียกสิ่งนี้ว่า Slippage

วันนี้ EBC Financial Group จะพาเพื่อนนักเทรดมาทำความเข้าใจว่า slippage forex คืออะไร เกิดจากสาเหตุไหน และที่สำคัญคือ เราจะรับมือกับมันอย่างไรให้พอร์ตของเรายังปลอดภัยและทำกำไรได้อย่างราบรื่น

เจาะลึก: Slippage Forex คืออะไรกันแน่?

อธิบายให้เห็นภาพง่ายที่สุด Slippage (สลิปเพจ) คือ "ความคลาดเคลื่อน" ระหว่างราคาที่คุณ ต้องการ ซื้อขาย กับราคาที่ ได้จริง ในตลาด

สมมติคุณเห็นราคาทองคำอยู่ที่ 2,000 และกด Buy ทันที แต่ระบบกลับ Match ออเดอร์ให้คุณที่ราคา 2,002 ส่วนต่างที่เกิดขึ้นนี้แหละคือ Slippage ซึ่งอาจทำให้คุณได้ต้นทุนที่แพงขึ้น หรือในทางกลับกัน ถ้าโชคดี คุณอาจจะได้ราคาที่ถูกลง (ซึ่งเราจะเรียกว่าข่าวดี!)

ทำไม Slippage ถึงเกิดขึ้น? (รู้ทันสาเหตุ ก็เลี่ยงได้)

Slippage ไม่ได้เกิดจากการโกง แต่เกิดจากกลไกของตลาดหลักๆ 3 ข้อ ดังนี้:

1. ความผันผวนของตลาดที่รุนแรง (High Volatility)

เมื่อมีข่าวใหญ่ เช่น การประกาศตัวเลข GDP, Non-Farm Payrolls หรือการประกาศดอกเบี้ย ราคาจะวิ่งเร็วมากจนระบบจับคู่คำสั่งไม่ทัน ทำให้ราคา "กระโดด" ข้ามจุดที่คุณต้องการไป

2. สภาพคล่องต่ำ (Low Liquidity)

มักเกิดในช่วงตลาดเพิ่งเปิด หรือช่วงรอยต่อระหว่างวันหยุด ทำให้มีคนซื้อขายน้อย เมื่อคุณส่งคำสั่งไป อาจไม่มีคู่สัญญาที่ราคานั้นๆ ทำให้ระบบต้องไปจับคู่ในราคาถัดไปที่มีอยู่จริง ซึ่งอาจจะแย่กว่าราคาที่คุณเห็น

3. ปัญหาทางเทคนิคและการส่งคำสั่ง

ความเร็วอินเทอร์เน็ต (Latency) และ คุณภาพของเซิร์ฟเวอร์โบรกเกอร์ มีผลอย่างมาก หากเซิร์ฟเวอร์ประมวลผลช้าเพียงเสี้ยววินาที ในตลาด Forex ราคาอาจเปลี่ยนไปแล้ว

Slippage มีกี่แบบ? (ไม่ได้มีแค่แย่เสมอไป)

Positive Slippage (Slippage บวก): เรื่องดีๆ ที่นักเทรดชอบ เช่น คุณกด Buy ที่ 1.3000 แต่ตลาดเหวี่ยงลงพอดี ทำให้ได้ของถูกที่ 1.2995 (กำไรตั้งแต่เริ่ม!)

Negative Slippage (Slippage ลบ): เรื่องน่าปวดหัว คือได้ราคาแย่กว่าที่ตั้งใจไว้ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น หรือกำไรลดลง

No Slippage: ได้ราคาตามที่ตั้งเป๊ะๆ (มักเกิดในสภาวะตลาดปกติและใช้โบรกเกอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง)

ผลกระทบที่นักเทรดต้องระวัง

ต้นทุนแฝง: แม้จะแค่ 1-2 pips แต่ถ้าคุณเทรด Lot ใหญ่ หรือเทรดบ่อยๆ (Scalping) เงินทุนอาจหายไปโดยไม่รู้ตัว

แผนพัง: จุด Stop Loss หรือ Take Profit ที่คำนวณมาอย่างดี อาจคลาดเคลื่อนจนทำให้ Risk Reward Ratio เสียไป

จิตวิทยาการเทรด: การเจอ Slippage บ่อยๆ อาจทำให้คุณหัวเสีย ตัดสินใจผิดพลาด หรือกลัวการเข้าออเดอร์

Expert Insight: วิธีรับมือและเทคนิคการเทรดเพื่อลด Slippage

แม้เราจะสั่งให้ตลาดหยุดผันผวนไม่ได้ แต่เรา "เลือก" วิธีการเทรดและเครื่องมือที่ดีได้ นี่คือเทคนิคจากมืออาชีพของ EBC:

1. เลือกโบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องสูงและส่งคำสั่งไว

นี่คือหัวใจสำคัญ! โบรกเกอร์ที่มีการเชื่อมต่อกับ Liquidity Providers ระดับโลก และมีระบบ Server ที่เสถียร จะช่วยให้คำสั่งซื้อขายของคุณจับคู่ได้ไวและแม่นยำที่สุด

2. หลีกเลี่ยงช่วงข่าวแรง หรือใช้ Limit Order

หากไม่มั่นใจ ให้เลี่ยงการเทรดชนข่าว แต่ถ้าจำเป็นต้องเข้า ให้ใช้คำสั่ง Limit Order (ตั้งราคารอ) แทน Market Order (ซื้อทันที) เพื่อล็อกราคาที่คุณต้องการจริงๆ

3. ใช้ VPS ในการเทรด

หากเน็ตที่บ้านไม่เสถียร การเช่า VPS ที่ตั้งอยู่ใกล้เซิร์ฟเวอร์ของโบรกเกอร์จะช่วยลดความล่าช้า (Latency) ได้อย่างมหาศาล

4. เทรดคู่เงินหลัก (Major Pairs)

คู่เงินอย่าง EUR/USD หรือ USD/JPY มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก โอกาสเกิด Gap หรือ Slippage จึงน้อยกว่าคู่เงินแปลกๆ

บทสรุป: เปลี่ยนวิกฤต Slippage ให้เป็นเรื่องคุมได้

Slippage เป็นส่วนหนึ่งของโลก Forex ที่เราต้องเจอ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องยอมขาดทุนไปกับมันเสมอไป การมีความรู้ที่ถูกต้อง การวางแผนที่ดี และที่สำคัญที่สุดคือ "การเลือก Partner ที่ไว้ใจได้" จะช่วยให้คุณเทรดได้อย่างสบายใจ

ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรนำไปใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ ความเห็นใดๆ ที่ปรากฏในเนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ