2025-09-23
23 ก.ย. 2025 - ราคาทองคำพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3,747 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐและการคาดการณ์ว่าเฟด Fed อาจปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมภายในปีนี้ ขณะที่ XAU/USD เคลื่อนไหวเหนือระดับ 3,745 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 1.6%
แรงซื้อทองคำยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากการคาดการณ์การผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด การตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงความต้องการจากธนาคารกลางทั่วโลก โดย Societe Generale เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำของธนาคารกลางในปี 2025 ฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ 63 ตัน ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยหลังปี 2022
นอกจากนี้ ความขัดแย้งรัสเซีย–ยูเครนยังไม่มีทีท่าจะยุติลง สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่ากองกำลังได้ควบคุมพื้นที่ Kalynivske ในภูมิภาค Dnipropetrovsk ของยูเครนแล้ว
การปราศรัยของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายในวันเดียวกันสะท้อนมุมมองที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แรฟาเอล บอสติก (เฟดแอตแลนตา) ยังไม่สนับสนุนการลดดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมเนื่องจากกังวลเงินเฟ้อ แต่ยอมรับว่าความเสี่ยงด้านการจ้างงานเพิ่มขึ้น ขณะที่อัลเบร์โต มูซาเล็ม (เฟดเซนต์หลุยส์) สนับสนุนการลดดอกเบี้ยเพื่อป้องกันตลาดแรงงานอ่อนแรง
สตีเฟน มิแรน (ผู้ว่าการเฟด) ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมอยู่ราว 2% และนโยบายปัจจุบัน “เข้มงวดเกินไป” ด้านโธมัส บาร์กิน (เฟดริชมอนด์) มองว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจกำลังสูงขึ้น ส่วนเบธ แฮมแมค (เฟดคลีฟแลนด์) ชี้ว่าเฟดถูกกดดันทั้งด้านเงินเฟ้อและการจ้างงาน โดยตลาดแรงงานอยู่ในภาวะ “จ้างน้อย–เลิกจ้างน้อย”
ตลาดฟิวเจอร์สสะท้อนความคาดหวังว่า เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 19 ตุลาคม โดยโอกาสอยู่ที่ 89% ขณะที่การคงดอกเบี้ยมีเพียง 11%
ตลอดสัปดาห์นี้ นักลงทุนรอติดตามข้อมูลสำคัญ ได้แก่ S&P Global Flash PMI, คำสั่งซื้อสินค้าคงทน, ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 และ Core PCE ซึ่งเป็นดัชนีเงินเฟ้อที่ FED ให้ความสำคัญมาก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีขยับขึ้น 1.5 จุดที่ 4.145% ส่วนอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงเพิ่มขึ้น 1 จุดที่ 1.755% ซึ่งโดยปกติจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับราคาทองคำ
ด้านการค้า ทองคำส่งออกจากสวิตเซอร์แลนด์ไปยังสหรัฐในเดือนสิงหาคมลดลงถึง 99% หลังถูกเรียกเก็บภาษี แต่การส่งออกไปจีนกลับเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าแตะ 35 ตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่พฤษภาคม 2024 ส่วนอินเดียก็เพิ่มการนำเข้าเช่นกัน
ดัชนี ดาวโจนส์ (DJIA) ปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่เหนือระดับ 46,400 จุดในวันจันทร์ แม้ในช่วงต้นตลาดมีความผันผวน แต่ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐยังเป็นบวกทั้งหมด ส่งผลให้ดาวโจนส์กำลังมุ่งสู่สัปดาห์ที่สามติดต่อกันของการปิดบวก โดยเดือนกันยายนที่มักจะเป็นช่วงซบเซา กลับเห็นการปรับขึ้นราว 2%
การประชุมเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายยังสร้างความไม่แน่นอนต่อทิศทางดอกเบี้ย สตีเฟน มิแรน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำว่าดอกเบี้ยปัจจุบันสูงเกินไปถึง 200 จุดฐาน และเสนอแนวคิดควบคุมการอพยพเข้าสหรัฐเพื่อหนุนตลาดแรงงานและลดเงินเฟ้อ แม้แนวทางดังกล่าวไม่ได้รับการสนับสนุนจากกรรมการเฟดคนอื่น ๆ
ตลอดสัปดาห์ นักลงทุนยังต้องจับตาผลสำรวจ PMI เดือนกันยายน ตัวเลข GDP ของไตรมาส 2 และโดยเฉพาะวันศุกร์ที่จะประกาศ Core PCE เดือนสิงหาคม ซึ่งคาดว่าจะลดลงเหลือ 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน แต่ตัวเลขรายปียังอยู่ที่ 2.9% สูงกว่ากรอบเป้าหมาย 2% ของเฟด
ราคาทองคำที่พุ่งทุบสถิติใหม่และดัชนีดาวโจนส์ที่เดินหน้าสู่ระดับสูงสุด สะท้อนถึงแรงขับเคลื่อนของตลาดที่ได้รับอิทธิพลทั้งจากการคาดการณ์นโยบายการเงินของเฟด ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และทิศทางของเศรษฐกิจโลก นักลงทุนจึงต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทนพันธบัตรที่ผันผวน ภาษีการค้า หรือสัญญาณจากตลาดแรงงาน
ในระยะสั้น สัญญาณจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะ GDP และ Core PCE จะเป็นตัวกำหนดว่าตลาดจะยืนอยู่ในโหมด “Risk-On” ต่อไป หรือกลับเข้าสู่ภาวะระมัดระวัง ขณะที่ทองคำและตลาดหุ้นยังคงเป็นภาพสะท้อนของความไม่แน่นอนที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะทิศทางเหล่านี้อาจชี้ให้เห็นถึงเส้นทางใหม่ของการลงทุนในไตรมาสถัดไป
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ