เปิด 5 อันดับค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก มีผลกับตลาด Forex ยังไง?

ในโลกของการเงินและเศรษฐกิจ ค่าเงินเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความมั่นคงของประเทศ ความสามารถในการซื้อขายระหว่างประเทศ และสถานะทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ดังนั้น ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก จึงไม่ได้หมายความถึงมูลค่าที่สูงที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นตัวชี้วัดถึงความน่าเชื่อถือและเสถียรภาพทางการเงินของประเทศนั้น ๆ ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดด้วย

บทความนี้จึงจะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจถึงนิยามของค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก พร้อมเกณฑ์การวัดค่าเงินประเภทนี้ อธิบายความเชื่อมโยงของค่าเงินที่มีมูลค่าสูงกับตลาด Forex พร้อมตอบสงสัยว่าทำไมค่าเงินแพงจึงมีผลต่อการเทรดฟอเร็กซ์

ต้องแยกให้ออกก่อน “ค่าเงิน” กับ “มูลค่าเงิน” ต่างกันยังไง

แม้คำว่า “ค่าเงินแพง” กับ “มูลค่าของเงิน” จะฟังดูคล้ายกัน แต่ทั้งสองคำนี้มีความหมายต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในเชิงเศรษฐกิจ เพราะค่าเงินแพง มักหมายถึงค่าเงินที่มีมูลค่าสูงหรือ ค่าเงินแพงเมื่อเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนของ USD หรือ EUR เนื่องจากเป็นสกุลเงินที่มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือสูง ซึ่งสกุลเงินที่แพงมักมีการควบคุมค่าเงินอย่างเข้มงวดจากรัฐบาล เพื่อรักษาความเสถียรภาพของเศรษฐกิจและค่าเงิน

ในทางกลับกัน มูลค่าของเงิน หมายถึง พลังซื้อของเงินในประเทศนั้นเอง ยิ่งเงินเฟ้อในประเทศสูง พลังซื้อของเงินยิ่งลดลง แม้จำนวนเงินที่ถือไว้จะเท่าเดิมก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น หากปีนี้คุณใช้เงิน 100 บาทซื้ออาหารได้หนึ่งจาน แต่ปีหน้าราคาอาหารจานเดิมขึ้นเป็น 120 บาท แสดงว่า “มูลค่า” ของเงินลดลง แม้ค่าเงินไทยจะยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากในตลาดแลกเปลี่ยนโลกก็ตาม

โดยสรุป ค่าเงินแพงเป็นเรื่องของการเปรียบเทียบกับสกุลเงินอื่น ขณะที่มูลค่าของเงินคือเรื่องของพลังซื้อในชีวิตประจำวันของผู้คนในประเทศหนึ่งๆ ทั้งสองแนวคิดมีผลในเชิงเศรษฐกิจคนละแบบ แต่สำคัญทั้งคู่ในการวิเคราะห์ภาพรวมของระบบการเงินและเศรษฐกิจ

เกณฑ์ที่ใช้วัดว่า “ค่าเงินไหนแพงที่สุดในโลก”

• พิจารณาจาก “อัตราแลกเปลี่ยนต่อดอลลาร์สหรัฐ (USD)”

  สกุลเงินที่ถือว่า “แพงที่สุดในโลก” จะถูกวัดโดยเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินกลางของระบบเศรษฐกิจโลก หาก 1 หน่วยของสกุลเงินนั้นสามารถแลกได้มากกว่า 1 ดอลลาร์ แสดงว่าค่าเงินนั้นถือว่ามีมูลค่าสูง เช่น 1 KWD = ประมาณ 3.2 USD ถือว่าแพงกว่า USD อย่างมีนัยสำคัญ

• ใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบ Nominal ไม่ใช่แบบ Real หรือ PPP
  ค่าเงินแพงในที่นี้หมายถึง “มูลค่าตามที่แลกเปลี่ยนได้จริง” ในตลาด ณ เวลาปัจจุบัน (Nominal Exchange Rate) ไม่ใช่การเปรียบเทียบด้วยหลักความเท่าเทียมด้านกำลังซื้อ (PPP - Purchasing Power Parity) หรือค่าครองชีพในแต่ละประเทศ จึงไม่เกี่ยวกับว่าคนในประเทศนั้นมีค่าแรงสูงหรือต้องใช้เงินเท่าไรในการซื้อของ

• ขึ้นอยู่กับนโยบายของธนาคารกลางหรือรัฐบาลเจ้าของสกุลเงิน
  ค่าเงินบางประเทศมีราคาสูงเพราะรัฐบาลควบคุมหรือ “ตรึงค่าเงิน” ไว้ให้อยู่ในระดับที่สูง เช่น ดินาร์คูเวต ที่ใช้นโยบายผูกค่าเงินไว้กับตะกร้าสกุลเงิน (Currency Basket) โดยไม่ได้ลอยตัวตามกลไกตลาดเสรีเหมือนสกุลเงินอื่นๆ สิ่งนี้ส่งผลโดยตรงให้ค่าเงินคงระดับสูงกว่าค่าเงินทั่วไป

5 อันดับค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก (เทียบ USD ก.ค. 2025)

อย่างไรก็ดี ในตลาดการเงินโลก ค่าเงินของแต่ละประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจ การเมือง และการดำเนินนโยบายการเงินของแต่ละประเทศ โดยสำหรับปี 2025 จะมี 5 อันดับค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกตามดังนี้

1. ดินาร์คูเวต (KWD)

ดินาร์คูเวตถูกนับว่าเป็นค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 1 KWD = 3.3 USD ดินาร์คูเวตเป็นสกุลเงินของประเทศคูเวต ซึ่งมีเศรษฐกิจพึ่งพารายได้จากน้ำมันอย่างหนัก นโยบายการเงินของธนาคารกลางคูเวตควบคุมค่าเงินให้คงที่ในระดับสูง ทำให้ค่าเงินนี้มีมูลค่าสูงมาก

2. ริยัลโอมาน (OMR)

OMR เป็นค่าเงินของประเทศโอมาน มีพื้นฐานเศรษฐกิจจากพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ รัฐบาลโอมานดำเนินนโยบายตรึงค่าเงินเช่นกัน ทำให้ค่าเงินยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 1 OMR = 3 USD

3. บาห์เรนดีนาร์ (BHD)

สกุลเงินของบาห์เรน ประเทศเล็กๆ ในอ่าวเปอร์เซีย ที่มีเศรษฐกิจเน้นพลังงานและการลงทุนการเงิน บาห์เรนใช้ระบบตรึงค่าเงินกับดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรักษาความมั่นคงของค่าเงิน โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนราว 1 BHD = 3 USD เกือบเท่า ๆ กับ OMR

4. จอร์แดนดีนาร์ (JOD)

จอร์แดนดีนาร์เป็นค่าเงินของประเทศจอร์แดน แม้ว่าจะเป็นประเทศขนาดเล็กและมีเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกและการช่วยเหลือต่างประเทศ แต่รัฐบาลจอร์แดนใช้ระบบควบคุมค่าเงินอย่างเข้มงวด โดยผูกค่าเงินกับดอลลาร์สหรัฐอย่างมั่นคง ทำให้ค่าเงินจอร์แดนดีนาร์มีความเสถียรและมูลค่าสูง ทำให้มีอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 1 JOD = 1.41 USD

5. ปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ (GBP)

ปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษเป็นหนึ่งในสกุลเงินหลักของโลก และถือเป็นสกุลเงินที่มีมูลค่าสูงมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากปอนด์สเตอร์ลิงได้รับความเชื่อมั่นจากความเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ระบบการเงินที่พัฒนาอย่างดี และสถานะทางการเมืองที่มั่นคงในระดับโลก ทำให้มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 1 GBP = 1.4 USD

เทรดเดอร์ต้องรู้ให้ชัด ค่าเงินแพงเกี่ยวอะไรกับตลาด Forex

ตลาด Forex หรือ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Foreign Exchange Market) เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีปริมาณการซื้อขายมากถึงหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ค่าเงินที่แพงมีความสำคัญอย่างมากในตลาดนี้ เพราะสามารถส่งผลกระทบต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินคู่ต่าง ๆ และเป็นปัจจัยหลักที่เทรดเดอร์ต้องคำนึงถึง

ผลกระทบของค่าเงินแพงในตลาด Forex

โดยการเทรดในคู่เงินที่มีค่าเงินแพง เช่น USD/KWD หรือ EUR/BHD มักจะทำกำไรได้มากขึ้น เนื่องจากความต่างของมูลค่า แต่การเทรดค่าเงินแพงก็มีความท้าทาย เพราะ ต้นทุนการเทรดสูงขึ้น ทั้งในเรื่องของ สเปรด (Spread) หรือค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายในแต่ละการเทรด

แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังคือ สภาพคล่อง (liquidity) ของค่าเงินที่แพงอาจต่ำกว่าสกุลเงินยอดนิยมอย่าง USD, EUR หรือ JPY เพราะประเทศเจ้าของค่าเงินแพงมักเป็นประเทศเล็กหรือมีการควบคุมค่าเงินอย่างเข้มงวด ทำให้ปริมาณการซื้อขายในตลาดมีจำกัด และเกิดความผันผวนสูงขึ้นในบางช่วงเวลา 

• การจับคู่กับค่าเงินที่มีมูลค่าต่ำ: ค่าเงินที่แพงมักจะถูกจับคู่กับค่าเงินที่มีมูลค่าต่ำกว่า เช่น USD/KWD หรือ EUR/BHD เพื่อให้เกิดความต่างในมูลค่ามากพอที่จะสร้างโอกาสทำกำไร

• สเปรดและค่าธรรมเนียม: การเทรดคู่เงินที่มีค่าเงินแพงมักจะมีต้นทุนสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสเปรดหรือค่าธรรมเนียมในตลาดมีขนาดใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลให้กำไรจากการเทรดลดลง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกคือสกุลเงินอะไร?
A: ปัจจุบัน ดินาร์คูเวต (KWD) ถือเป็นค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่สกุลเงินที่แข็งแกร่งอื่น ๆ เช่น ดินาร์บาห์เรน (BHD) และริยัลโอมาน (OMR) ก็มีมูลค่าสูงใกล้เคียงกัน

Q: ค่าเงินแพงเกิดจากปัจจัยอะไรบ้าง?
A: ปัจจัยหลักคืออัตราแลกเปลี่ยนที่ได้รับผลจากนโยบายการเงิน อัตราเงินเฟ้อต่ำ ความมั่นคงทางการเมือง และทรัพยากรธรรมชาติที่มีมูลค่าสูง เช่น น้ำมัน

Q: ค่าเงินแพงมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร?
A: ค่าเงินแพงช่วยเพิ่มอำนาจซื้อสินค้านำเข้า แต่สามารถทำให้การส่งออกมีราคาสูงขึ้น ส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดโลก นอกจากนี้ยังส่งผลต่อตลาดเงินและการลงทุนในประเทศนั้นด้วย

สรุป

ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกไม่ได้หมายถึงแค่ราคาต่อหน่วยสูงสุดเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ นโยบายการเงิน และความน่าเชื่อถือของประเทศที่เป็นเจ้าของสกุลเงินนั้นๆ การพิจารณาวัดค่าเงินแพงจึงต้องใช้เกณฑ์หลายด้านควบคู่กัน ทั้งอัตราแลกเปลี่ยน เงินเฟ้อ และเสถียรภาพทางการเมือง

ส่วนในตลาด Forex นั้น ค่าเงินที่แพงมีบทบาทสำคัญต่อการเทรดและการลงทุน การเคลื่อนไหวของค่าเงินที่แข็งค่าจะส่งผลต่อราคาสินค้า การลงทุน และกระแสเงินทุนในระดับโลก ทำให้นักลงทุนต้องติดตามและวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงินอย่างใกล้ชิด

คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใด ๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใด ๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ