การปิดเหมือง Raja Ampat ชี้บทบาท ESG และปัญหานโยบายในตลาดนิกเกิล

2025-07-02
สรุป

ขณะที่อินโดนีเซียบังคับใช้คำสั่งปิดเหมืองในพื้นที่ Raja Ampat ซึ่งได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ EBC Financial Group ชี้ให้เห็นถึงความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดนิกเกิล

แม้นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจะสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาลอินโดนีเซียในการอนุรักษ์ Raja Ampat แต่เหล่านักลงทุนและผู้ค้าสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกต่างจับตาดูผลกระทบเป็นลูกโซ่จากการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายครั้งนี้อย่างใกล้ชิด


อุตสาหกรรมนิกเกิลของอินโดนีเซีย ซึ่งมีสัดส่วนการผลิตมากถึง 51% ของปริมาณนิกเกิลทั่วโลก กำลังเผชิญความไม่แน่นอนรอบใหม่ หลังรัฐบาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตการทำเหมืองของบริษัทนิกเกิล 4 แห่งในพื้นที่ Raja Ampat ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO


การเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์นี้มีเป้าหมายเพื่อปกป้องระบบนิเวศทางทะเลอันล้ำค่าของ Raja Ampat โดยได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางจากกลุ่มอนุรักษ์ อย่างไรก็ตาม ยังมีโครงการเหมืองขนาดใหญ่หนึ่งแห่งที่ยังคงดำเนินการอยู่นอกเขตที่ได้รับการคุ้มครอง และหลายบริษัทกำลังต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อขอคืนใบอนุญาตและเดินหน้าโครงการต่อ

การปิดเหมือง Raja Ampat เปิดเผยความเสี่ยงด้าน ESG และนโยบายในตลาดนิกเกิล

David Barrett ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EBC Financial Group(UK)Ltd. กล่าวว่า “กรณี Raja Ampat สะท้อนให้เห็นถึงจุดตัดที่ชัดเจนขึ้นระหว่างปัจจัย ESG ความสนใจของชุมชนท้องถิ่น และพลวัตของตลาดโลก สำหรับนักลงทุนและนักเทรดแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนว่า ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะในภาคส่วนสำคัญอย่างนิกเกิล อ่อนไหวต่อแรงกดดันด้านนโยบายสิ่งแวดล้อมอย่างมาก”


แม้ Raja Ampat จะไม่ใช่พื้นที่ผลิตนิกเกิลหลักของอินโดนีเซีย แต่การตัดสินใจในครั้งนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนทิศทางของรัฐบาลอินโดนีเซียไปสู่การควบคุมสิ่งแวดล้อมและกำกับดูแลที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณสำคัญสำหรับนักเทรดที่ติดตามแนวโน้มนโยบายระยะยาวในภาคสินค้าโภคภัณฑ์


ทำไมนักเทรดควรให้ความสนใจ

David Barrett ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EBC Financial Group(UK)Ltd. กล่าวเพิ่มเติมว่า "นักเทรดควรเฝ้าระวังไม่เพียงแต่ความผันผวนของราคาสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อค่าเงินรูเปียห์ ตลาดหุ้น และความเสี่ยง ESG โดยรวมของประเทศอีกด้วย" แม้ราคานิกเกิลจะฟื้นตัวในระยะสั้น แต่อาจซ่อนความเสี่ยงความผันผวนที่ลึกกว่าที่เห็น โดยเฉพาะเมื่อความไม่แน่นอนทางกฎหมายและนโยบายยังคงมีอยู่ ซึ่งอาจเปลี่ยนความคาดหวังเกี่ยวกับฝั่งอุปทานในตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญ


นิกเกิลยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของดุลการค้าของอินโดนีเซีย โดยในปี 2024 มีสัดส่วนประมาณ 6.8% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด การลดการผลิตจากการยกเลิกใบอนุญาตอาจกระทบรายได้จากการส่งออก กดดันค่าเงินรูเปียห์ (USD/IDR) และขยายตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศ ซึ่งสำหรับนักลงทุนถือเป็นความเสี่ยง 2 ด้าน คือ ความผันผวนของค่าเงินในระยะสั้น และการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานเกี่ยวกับนโยบายการเงินในระยะยาว เมื่อความไม่แน่นอนทางกฎหมายและนโยบายกระทบภาคนิกเกิล การเคลื่อนไหวของราคามักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและคาดการณ์ได้ยาก


ข้อมูลจาก Investing News Network ระบุว่า ราคานิกเกิลร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีในช่วงไตรมาส 1 ปี 2025 โดยหล่นลงไปต่ำกว่า 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน จากภาวะอุปทานล้นตลาดในอินโดนีเซียและความกังวลด้านภาษีจากสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ราคากลับมาแตะระดับ 16,700 ดอลลาร์/ตัน ในเวลาต่อมา การฟื้นตัวดังกล่าวสะท้อนถึงความคาดหวังว่าฝั่งอุปทานจะเริ่มตึงตัวและการผลิตจะมีวินัยมากขึ้น


อย่างไรก็ตาม คำสั่งปิดเหมืองใน Raja Ampat อย่างฉับพลันของอินโดนีเซีย ได้สร้างความไม่แน่นอนรอบใหม่ ไม่เพียงในแง่ปริมาณการผลิต แต่ยังรวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนและความชัดเจนด้านกฎระเบียบ หากข้อพิพาททางกฎหมายขยายวงกว้าง หรือเกิดการลดการผลิตเพิ่มเติม ก็อาจทำให้ราคานิกเกิลพุ่งขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะหากตลาดเริ่มประเมินความเสี่ยงด้านอุปทานใหม่อย่างจริงจัง


ในขณะที่กองทุนที่เน้น ESG ทั่วโลกเริ่มจับตามากขึ้นต่อที่มาของนิกเกิล เราขอแนะนำนักเทรดให้ติดตามทั้งปัจจัยพื้นฐานของตลาดและสัญญาณเชิงนโยบายการเมืองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสองปัจจัยนี้จะมีบทบาทสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต


อินโดนีเซีย: ศูนย์กลางนิกเกิลของโลก

ในปี 2024 อินโดนีเซียผลิตนิกเกิลกลั่นได้ราว 2.2 ล้านตัน คิดเป็นมากกว่าครึ่งของอุปทานทั่วโลก ส่งผลให้ประเทศกลายเป็นผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในตลาดนิกเกิลโลก การหยุดชะงักใด ๆ ในอุปทานจากอินโดนีเซียย่อมส่งผลกระทบทันทีต่อโลก โดยเฉพาะในห่วงโซ่อุปทานของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตเหล็กกล้าไร้สนิม ซึ่งยังคงเป็นผู้ใช้รายใหญ่ที่สุดของนิกเกิล คิดเป็นกว่า 2 ใน 3 ของอุปสงค์นิกเกิลทั่วโลก 


แม้ภาคแบตเตอรี่จะขับเคลื่อนความต้องการระยะยาว แต่การผลิตเหล็กกล้าไร้สนิมยังเป็นตลาดหลัก โดยราว 75% ของเกรดเหล็กกล้าไร้สนิมจำเป็นต้องใช้นิกเกิลเพื่อคงโครงสร้างโลหะให้เสถียร จึงเป็นวัสดุสำคัญในอุตสาหกรรมหนักหลายภาคส่วน อาทิ ยานยนต์ ก่อสร้าง อาหาร และเครื่องดื่ม อุปกรณ์การแพทย์ น้ำมันและก๊าซ อวกาศ และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน หากการผลิตนิกเกิลของอินโดนีเซียชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น การผลิตช้าลง และกระตุ้นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในภาคอุตสาหกรรมโดยรวม


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

Barrett ชี้ตลาดพันธบัตรเป็น "สิ่งที่ต้องจับตามอง" ท่ามกลางแรงกดดันจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

Barrett ชี้ตลาดพันธบัตรเป็น "สิ่งที่ต้องจับตามอง" ท่ามกลางแรงกดดันจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

CEO ของ EBC Financial Group (UK) Ltd. ชี้ให้เห็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการขาดความผันผวน เนื่องจากเทรดเดอร์ยังคงซื้อในช่วงราคาต่ำ

2025-08-14
ความท้าทายด้านจิตวิทยาการ Copy Trade และวิธีเอาชนะ

ความท้าทายด้านจิตวิทยาการ Copy Trade และวิธีเอาชนะ

EBC Financial Group ใช้เครื่องมือ Brokeree เพื่อสนับสนุนการ Copy Trade อย่างมีวินัย พร้อมระบบบริหารความเสี่ยงและแหล่งความรู้ เพื่อการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ

2025-07-25
เงินเฟ้อจากภาษีศุลกากรกลับมาร้อนแรงในเดือนมิถุนายน: ดัชนี CPI พุ่งแตะ 2.7% ขณะที่ Fed ยังคงยืนหยัดนโยบายเดิม

เงินเฟ้อจากภาษีศุลกากรกลับมาร้อนแรงในเดือนมิถุนายน: ดัชนี CPI พุ่งแตะ 2.7% ขณะที่ Fed ยังคงยืนหยัดนโยบายเดิม

กลุ่ม EBC Financial คาดการณ์ว่าตลาดจะมีความผันผวนสูงขึ้นและนักลงทุนจะระมัดระวังมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้

2025-07-17